“คาช็อกกี-สองนักข่าวพม่า” นำทีมสื่อมวลชนผงาดปกไทม์ ยกย่องเป็นบุคคลแห่งปี 2018
“คาช็อกกี-สองนักข่าวพม่า” – วันที่ 11 ธ.ค. ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า กองบรรณาธิการ นิตยสารไทม์ นิตยสารชื่อดังของสหรัฐอเมริกา เลือก นายจามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย ผู้ถูกสังหารโหดในสถานกงสุลซาอุฯ ประจำนครอิสตันบูล ของตุรกี เมื่อวันที่ 2 ต.ค. เป็นหนึ่งใน บุคคลแห่งปี 2018 ร่วมด้วยสื่อมวลชนจากหลายสำนักในฐานะ “เหล่าผู้พิทักษ์ และสงครามความจริง” (The Guardians and the War on Truth)
นิตยสารไทม์ฉบับบุคคลยอดเยี่ยมแห่งปี มีด้วยกัน 4 ปก เป็นภาพขาวดำของเหล่านักข่าวในฐานะผู้พิทักษ์ ซึ่งต้องต่อสู้กับสงครามความจริง มีทั้งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อสังหาร และถูกจับกุมกักขังจากการนำเสนอข้อเท็จจริง
ปกเล่มแรกเป็นรูปของนายคาช็อกกี นักข่าวฝีปากกล้าและคอลัมนิสต์ของวอชิงตันโพสต์ ผู้เเขียนวิจารณ์การเมืองและราชสำนักซาอุฯ กระทั่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังเดินเข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯ เมื่อวันที่ 2 ต.ค.
ก่อนที่โลกจะสะเทือนใจไปกับความจริงที่ค่อยๆ เปิดเผยว่านายคาช็อกกีถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งทางการตุรกีเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงและเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุฯ มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่จนถึงตอนนี้คดีก็ยงไม่คืบหน้า
อีกปกเป็นรูปของครอบครัวของ นายว้า ลอน และ นายจอ โซ อู สองนักข่าวชาวพม่าของสำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุก 7 ปี ฐานละเมิดความลับทางการ จากกรณีครอบครองภาพถ่ายหลุมศพและการสังหารหมู่ชาย ชาวโรฮิงยา 10 คนในหมู่บ้านอินดิน รัฐยะไข่ เมื่อเดือนธ.ค.2560
นอกจากนี้ยังมีปกที่เป็นรูปของ นางมาเรีย เรสซา บรรณาธิการบริหาร เว็บไซต์ข่าวแร็พเพลอร์ ของฟิลิปปินส์ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเลี่ยงภาษี แต่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเกมการเมืองและการกลั่นแกล้งจากรัฐบาล ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต เนื่องจากเว็บนำเสนอข่าวเจาะลึกการละเมิดสิทธิมนุษยชนของทางการที่หว่านสังหาร ระหว่างปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด
และปกสุดท้ายเป็นรูปของกลุ่มนักข่าวของ หนังสือพิมพ์แคพิทอล กาแซตต์ ในเมืองแอนนาโพลิส รัฐแมรีแลนด์ สหรัฐ ซึ่งถูกคนร้าย ชื่อนายแจร์ร็อด รามอส บุกกราดยิงจนมีผู้เสียชีวิต 5 ราย เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. เพราะคนร้ายมีความแค้นที่หนังสือพิมพ์นำเสนอข่าวตนเอง เคยก่อกวนบุคคลที่รู้จักจากโรงเรียนมัธยมฯปลายทางโซเชียล มีเดียและอีเมล์ จนฟ้องร้องสื่อว่าหมิ่นประมาท แต่ศาลสั่งยกฟ้อง นายรามอสข่มขู่เรื่อยๆ มาจนก่อเหตุในที่สุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: