วงในแฉเอง! รัฐบาลทรัมป์ “กีดกัน” ไบเดนหารือผู้นำโลก-ตอบรับสารแสดงความยินดี
วงในแฉเอง! – วันที่ 12 พ.ย. ซีเอ็นเอ็น และ เอพี รายงานสถานการ์การเมืองใน สหรัฐอเมริกา ที่ยังอึมครึม หลังจาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ยืนกรานไม่ยอมรับผลนับคะแนนเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา แม้ยังไม่เป็นทางการแต่ผลชี้ชัดแล้วว่า นายโจ ไบเดน ผู้แทนจากพรรคเดโมแครต กวาดทั้งคะแนนเสียงประชาชนและคะแนนคณะผู้เลือกตั้งไปแบบขาดลอยที่ 279 เสียงต่อ 217 เสียง ขึ้นแท่นเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐหลายคนเปิดเผยว่า คณะทำงานของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์พยายามกีดกันนายไบเดนจากการเข้าถึงข้อความแสดงความยินดีของบรรดาผู้นำโลกที่ส่งผ่านมายังกระทรวงต่างประเทศ
แหล่งข่าวระบุว่าการส่งข้อความระหว่างผู้นำประเทศตามธรรมเนียมแล้วจะส่งผ่านทางกระทรวงต่างประเทศ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ผู้นำโลกเริ่มทยอยส่งข้อความยินดีถึงนายไบเดนตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่คณะทำงานของรัฐบาลนายทรัมป์กลับยับยั้งนายไบเดนจากการเข้าถึงข้อความที่ส่งผ่านกระทรวงต่างประเทศ และเป็นเหตุให้นายไบเดนไม่ได้รับข้อความหลายสิบข้อความ
อย่างไรก็ตาม ทีมงานของนายไบเดนสามารถติดต่อกับทางการต่างประเทศได้โดยไม่ต้องผ่านรัฐบาลนายทรัมป์ และทำให้นายไบเดนได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้นำหลายคน รวมถึงนางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา
นอกจากนี้นายไบเดนยังได้คุยโทรศัพท์กับ ประธานาธิบดีมุน แจอิน ผู้นำเกาหลีใต้ ด้านทำเนียบน้ำเงินระบุว่า นายมุนและนายไบเดนพูดคุยนานราว 14 นาที โดยนายไบเดนยืนยันว่าสหรัฐยังมุ่งมั่นในความร่วมมือด้านความมั่นคงของเกาหลีใต้ และจะประสานงานใกล้ชิดเพื่อผลักดันการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
นายไบเดนยังกล่าวชื่นชมการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในเกาหลีใต้ พร้อมทั้งหารือถึงความร่วมมือยับยั้งโรคระบาด และให้คำมั่นว่าจะพบปะกับนายมุนเร็วที่สุดหลังพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 ม.ค.2564
ขณะที่ นายสกอต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย หารือทางโทรศัพท์กับนายไบเดน และเชิญว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเดินทางมาออสเตรเลียในปีหน้าเพื่อฉลอง 70 ปีสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกันระหว่างออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐ
ส่วน นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ สึกะ ผู้นำญี่ปุ่น ต่อสายตรงพูดคุยการกระชับสัมพันธ์แนบแน่นของสหรัฐ-ญี่ปุ่น รวมถึงยืนยันจุดยืนการถ่วงดุลอำนาจจีนในทวีปเอเชีย และการปลดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: