โรคแทรกซ้อนโควิดคร่าแม่ทัพใหญ่สหรัฐฯ พลเอกคอลลิน พาเวลล์

โรคแทรกซ้อนโควิดคร่าแม่ทัพใหญ่สหรัฐฯ – วันที่ 18 ต.ค. เอพีรายงานว่า พลเอกเกษียณ คอลลิน พาเวลล์ หนึ่งในนายพลของกองทัพสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นที่รู้จักกว้างขวางทั่วโลก ถึงแก่อสัญกรรมด้วยอายุ 84 ปี ด้วยภาวะแทรกซ้อนจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19

พล.อ.เกษียณ พาเวลล์ เป็นที่รู้จักกว้างขวางและมีประสบการณ์ทำงานโชกโชน เคยดำรงตำแหน่งระดับสูงในสมัยของทั้งผู้นำสหรัฐฯ จากทั้งพรรครีพับลิกัน และเดโมเครติก หรือเดโมแครต แต่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวกรณีกล่าวอ้างความเท็จต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี

รายงานระบุว่า พล.อ.เกษียณ พาเวลล์ เป็นทหารผ่านศึกจากสงครามเวียดนามและเติบโตในเส้นทางการทหารอาชีพจนได้ประดับยศเป็นพลเอก (4 ดาว) ก่อนจะได้เป็นชาวอเมริกันผิวดำคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะเสนาธิการทหารให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2532

พล.อ.เกษียณ พาเวลล์ ในฐานะอดีตประธานคณะเสนาธิการทหาร มีผลงานเป็นผู้ดูแลภารกิจสงครามปานามา ภายใต้ยุทธการ Operation Just Cause สงครามอ่าวในคูเวตและอิรักเมื่อปี 2534 แต่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวในปี 2546

กรณีอื้อฉาวดังกล่าวของพล.อ.เกษียณ พาเวลล์ เกิดจากการเดินทางไปให้การต่อยูเอ็นเอสซี ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โดยให้ข้อมูลเท็จว่า ซัดดัม ฮุสเซน อดีตผู้นำอิรัก ลักลอบสะสมอาวุธทำลายล้างสูง และตอบโต้คำยืนยันของทางการอิรักที่ว่าไม่มีอาวุธดังกล่าว ว่าเป็นคำโกหกลวงโลก

แถลงการณ์ครอบครัวพาเวลล์ทางสื่อสังคมออนไลน์ ระบุว่า พล.อ.เกษียณ พาเวลล์ ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้ว ก่อนจะเข้ารักษาตัวที่ศูนย์การแพทย์แห่งชาติที่เมืองเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์

“พวกเราสูญเสียสามีที่ยอดเยี่ยมและเปี่ยมด้วยความรัก พ่อของลูก คุณตาของหลาน และอเมริกันชนผู้ยิ่งใหญ่” แถลงการณ์ระบุ

พล.อ.เกษียณ พาเวลล์ เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ คนแรก ที่กล่าวโทษ โอซามา บิน ลาเดน ผู้นำเครือข่ายก่อการร้ายอัล ไคด้า ว่าเป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเหตุก่อวินาศกรรม 11 กันยาฯ

นอกจากนี้ พล.อ.เกษียณ พาเวลล์ ยังเดินทางไปปากีสถานด้วยตัวเองเพื่อขอความร่วมมือจากอดีตประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ ผู้นำปากีสถานในขณะนั้น ต่อภารกิจล่าสังหารสมาชิกเครือข่ายอัล ไคด้า ของอัฟกานิสถาน ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในปากีฯ กระทั่งสามารถสังหารบิน ลาเดน ได้สำเร็จในยุคของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา

ความอื้อฉาวของ พล.อ.เกษียณ พาเวลล์ เกิดขึ้นเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศในสมัยของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช ที่เดินทางให้การกับยูเอ็นเอสซี กล่าวหาซัดดัม ฮุสเซน ว่าสะสมอาวุธทำลายล้างสูง และเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อประชาคมโลก

คำให้การของพล.อ.เกษียณ พาเวลล์ ถูกโจมตีจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญและสื่อมวลชนตะวันตก ว่ามีหลักฐานที่อ่อนและมีความคลุมเครืออย่างยิ่ง ซึ่งนำไปสู่การยกทัพบุกอิรักของสหรัฐฯ และจนปัจจุบันยังไม่พบอาวุธที่พล.อ.เกษียณ พาเวลล์ เคยกล่าวหาไว้

ด้านอดีตประธานาธิบดีบุช และภริยา ระบุถึงการจากไปของพล.อ.เกษียณ พาเวลล์ ว่าทำให้รู้สึกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง เพราะเป็นอดีตเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานรับใช้ชาติอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เป็นที่รักและเคารพทั้งในและต่างประเทศ ทั้งยังเป็นบุคคลที่รักครอบครัว จึงขอแสดงความเสียใจไปยังลูกๆ ของพล.อ.เกษียณ พาเวลล์ด้วย

ทั้งนี้ พล.อ.เกษียณ พาเวลล์ เริ่มมีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยของอดีตประธานาธิบดีจากพรรคครีพับลิกัน และเคยวางแผนจะเป็นตัวแทนพรรคลงแข่งชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ แต่ต่อมาตีตัวออกห่างจากรีพับลิกันและหันมาสนับสนุนผู้ชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ จากเดโมแครตแทน

นอกจากนี้ พล.อ.เกษียณ พาเวลล์ ยังเป็นหนึ่งในผู้ที่วิพากวิจารณ์อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างรุนแรงถึงขั้นเคยระบุว่าเป็นความน่าอัปยศของชาติ และสมควรถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ต่อมาหลังเหตุจลาจลบุกรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน เมื่อ 6 ม.ค. ทำให้พล.อ.เกษียณ พาเวลล์ ประกาศตัวเลิกเป็นผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันอย่างเป็นทางการ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน