‘บูม’ ยื่นเงินสด 2 ล้าน ลุ้นประกันตัว กองปราบฝากขังครั้งแรก ร่วมพี่ชายฟอกเงิน ลวงนักธุรกิจฟินแลนด์ลงทุนซื้อหุ้น ผ่านบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์บิทคอยน์ 745 ล้าน

นายแบบหนุ่มลุ้นประกันตัว หลังยื่นเงินสด 2 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองปราบปรามคุมตัว นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม อายุ 27 ปีเศษ นักแสดงซีรีย์วัยรุ่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1694/2561ลงวันที่ 26 ก.ค.2561 คดีร่วมกันฟอกเงิน ที่หลอกลงทุนเงินสกุลดิจิตอล (บิทคอยน์) มูลค่า 745 ล้านบาท มายื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-21 ส.ค.นี้ อ่านข่าว เล็งออกหมายจับ คนดังตลาดหุ้น หลังจับ บูม ตุ๋นบิตคอยน์ โร่ติดต่ออ้างเป็นเหยื่อ

หลังจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา บริเวณชั้น 2 ห้างเมเจอร์รัชโยธิน ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ขณะที่กำลังถ่ายทำละครเรื่องใหม่ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานบุคคลเกี่ยวข้องการทำธุรกรรมอีก 10 ปาก และรอเอกสารทางการเงินของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับรอผลตรวจสอบประวัติลายพิมพ์นิ้วมือจาก ตร. อ่านข่าว นายแบบบูม เครียดหนัก ถูกฝากขังผลัดแรก ปิดปากเงียบไม่ยอมตอบคำถาม

ทั้งนี้ หากผู้ต้องหาขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนก็ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อ่านข่าว นายแบบบูม เครียดหนัก ถูกฝากขังผลัดแรก ปิดปากเงียบไม่ยอมตอบคำถาม

โดยคำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา นายอาร์นี ออตตาวา ซาอ์ริมาอ์ ชาวฟินแลนด์ ซึ่งประกอบธุรกิจซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอล ผู้เสียหายได้ประสานเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ นายปริญญา จารวิจิต พี่ชายของผู้ต้องหา กับพวก กรณีที่ได้ร่วมกันหลอกลวงเอาเงินของนายอาร์นีไปโดยทุจริต จำนวน 797,408,454.33 บาท

ซึ่งประมาณต้นเดือน มิ.ย.2560 นายอาร์นี และน.ส.ชนนิกานต์ แก้วสาสี นักธุรกิจ ซึ่งรู้จักกับนายปริญญา พี่ชายผู้ต้องหา, นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ และนายปัณณ์ฉัตร ชยุตธนา ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นนักธุรกิจและได้ชักชวนให้นายอาร์นี และน.ส.ชนนิกานต์ มาร่วมลงทุน โดยติดต่อผ่านนายปริญญา พี่ชายผู้ต้องหาแอพพลิเคชั่นไลน์

กระทั่งนัดหมายพูดคุยเจรจาธุรกิจกัน โดยกลุ่มของนายปริญญานำเสนอธุรกิจหลากหลายรูปแบบให้นายอาร์นี่ ผู้เสียหาย พิจารณา และพวกของนายปริญญาอีก 3 คน ก็ยังพูดชักจูงใจให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนในบริษัทที่กลุ่มเพื่อนของนายปริญญาเป็นกรรมการ ครั้งแรกนัดพบเจอกับนายชาคริส อาห์มัดและนายปริญญา พี่ชายผู้ต้องหา ชักชวนให้ผู้เสียหา ซื้อหุ้นบริษัทเอ็กซ์เปย์ ซอร์ฟแวร์ จำกัด

โดยผู้เสียหายและน.ส.ชนนิกานต์ ตกลงตามข้อเสนอและโอนเหรียญบิทคอยน์ ไปยังกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E- Wallet) ช่วงวันที่ 17-19 ก.ค.60 จำนวน 1,259.13 เหรียญบิต เป็นเงินมูลค่า 92,692,200 บาท

ต่อมาต้นเดือน ส.ค. 2560 นายปริญญากับพวก ยังชักชวนผู้เสียหาย ลงทุนซื้อสกุลเงินดิจิตอล (dragon coin หรือ DRG) อีกป็นเงิน 400 ล้านดอลล่าร์ฮ่องกง มีผู้ถือหุ้น 4 คน คือ นายปริญญา พี่ชายผู้ต้องหา,นายประสิทธิ์, นายชาคริส อาห์มัด และนายอาร์นี ผู้เสียหาย

ซึ่งแต่ละคนจะต้องลงเงินคนละ 100 ล้านดอลล่าร์ฮ่องกง เพื่อโอนไปที่บริษัทในเขตปกครองพิเศษมาเก๊า โดยนายปริญญาพี่ชายผู้ต้องหาอ้างว่า เงินลงทุนในส่วนของผู้เสียหายสามารถโอนเป็นเหรียญบิทคอยน์ ผ่านกระเป๋าเงิน E-Wallet ได้ ตามข้อตกลงในสัญญาซื้อขายเหรียญโทเค่น ซึ่งทำขึ้นเมื่อวันที่ 18 ส.ค.60 ระหว่างผู้เสียหายกับนายชาคริส

หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงเริ่มโอนเงินบิตคอยน์เข้ากระเป๋าเงิน E-Wallet ของนายปริญญากับพวก ระหว่างวันที่ 26 ส.ค.- 5 ก.ย.60 รวม 2,958.75948993 เหรียญบิต คิดเป็นมูลค่าเสียหาย 440,007,281.33 บาท

หลังจากนั้นนายชาคริส ยังได้ชักชวนผู้เสียหายไปซื้อหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทยอีกด้วย โดยเสนอแผนธุรกิจว่าผู้เสียหายสามารถซื้อหุ้นได้สูงสุด 500 ล้านหุ้น ที่คิดเป็นเงินจำนวน 250 ล้านบาท โดยเสนอให้ผู้เสียหายชำระค่าเห็นเป็นเงินบิตคอยน์ได้

แล้วต่อมาวันที่ 14 ก.ย.-30 ธ.ค.2560 ผู้เสียหายก็ได้โอนเงินเหรียญบิต จำนวน 1,355.55701963 เหรียญบิต คิดเป็นมูลค่า 264,780,973 บาท แต่หลังจากนั้น นายปริญญาพี่ชายผู้ต้องหากับพวกนำเหรียญบิทคอยน์ที่ได้รับโอนมาจากผู้เสียหาย ทยอยขายออกไปแล้วถอนเงินออกจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ไปเข้าบัญชีธนาคารพาณิชย์ของกลุ่มพี่ชายผู้ต้องหารวม 7 ราย

ประกอบด้วย นายชาคริส อาห์มัด 2 บัญชี จำนวน 162,994,510 บาท, นายปริญญา จารวิจิต พี่ชายของผู้ต้องหา 1 บัญชี จำนวน 111,938,265 บาท, นายจิรัชพิสิษฐ์ ผู้ต้องหา 1 บัญชี เป็นเงิน 21,687,603 บาท กับพี่น้องตระกูลจารวิจิต อีก 2 คนจำนวน 146,309,884 บาท (3 บัญชี) และจำนวน 140,184,665 บาท (1 บัญชี), นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ โอนเข้า 2 บัญชี เป็นเงิน 66,542,948 บาท และนายชัชวาล ฉัตราติชาต จำนวน 2 บัญชี เป็นเงิน 96,125,883 บาท สรุปยอดเงินรวมทุกบัญชีทั้งสิ้น 745,783,761 บาท

และหลังจากโอนเงินบิตคอยน์ให้กลุ่มนายปริญญาพี่ชายผู้ต้องหาตามที่กล่าวอ้างกับผู้เสียหายว่านำไปลงทุนซื้อหุ้นในธุรกิจแล้ว แต่ปรากฏว่าผู้เสียหายก็ไม่ได้รับหุ้น รวมทั้งไม่เคยได้รับเชิญการประชุมผู้ถือหุ้นหรือเงินปันผลจากบริษัทแต่อย่างใด อีกทั้งการลงทุนเพื่อประกอบธุรกิจสร้างสกุลเงินดิจิตอลในชื่อ dragon coin หรือ DRG ก็ไม่มีการลงทุนทางธุรกิจจริง ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ น.ส.ชนนิกานต์ แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดี นายปริญญากับพวกตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

พนักงานสอบสวน จึงมีหนังสือรายงานความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ไปยังเลขาธิการสำนักงาน ปปง. ขอให้ตรวจสอบพิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเนื่องจากมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน กระทั่ง ปปง. สรุปรายงานแจ้งว่านายปริญญา พี่ชายของผู้ต้องหา, นายจิรัชพิสิษฐ์ ผู้ต้องหา และกลุ่มผู้ต้องหาได้รับเงินจากการกระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ”

ซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาได้โอนเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผดไปมาระหว่างกันหลายครั้ง แล้วนำเงินไปเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มา หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นฯ ในการทำผิด ซึ่งนายปริญญา พี่ชายของผู้ต้องหา และผู้ต้องหา นำเงินนั้นไปจดทะเบียนซื้อฝาก-ขายที่ดินรวม 14 แปลง มูลค่ากว่า 176,220,000 บาท เหตุเกิดที่แขวงถ.เพชรบุรี เขตราชเทวี กทม., แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน, แขวงจอมพล เขตจตุจักร, แขวง-เขตห้วยขวาง กทม., จ.นนทบุรี, จ.ชลบุรี

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ติดตามจับกุม นายจิรัชพิสิษฐ์ ดาราวัยรุ่น ผู้ต้องหานี้ เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา และแจ้งข้อกล่าวหาทราบแล้ว ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ภายหลังศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ขณะที่ญาติของ นายจิรัชพิสิษฐ์ ดาราวัยรุ่น ผู้ต้องหา ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท พร้อมคำร้องประกอบการพิจารณาของศาล ระบุเหตุผลว่าผู้ต้องหาทำงานเป็นนักแสดง มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง รวมทั้งไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนี ซึ่งขณะถูกจับกุมก็กำลังทำงานถ่ายแบบ จึงขอความเมตตาจากศาลให้ปล่อยชั่วคราวด้วย โดยคำร้องขอประกันตัวดังกล่าว ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน