รูดม่าน คดีโกงเงินน้องบีม ศาลจำคุก เพื่อนสาว ทนาย‘พิสิษฐ์’ 2 ปี 16 เดือน ชดใช้2.3 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง โฆษกสภาทนายความ เปิดเผยความคืบหน้าคดีเพื่อนสาวของนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ อดีตทนายความ ร่วมกันฉ้อโกงเงินชดใช้ค่าเสียหายของ ด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง หรือ น้องบีม ที่พิการเพราะถูกรถเทรลเลอร์ของบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งชนว่า

อ่านข่าว : จำคุก 5 ปี 12 เดือนทนายโกงเงิน‘น้องบีม’ เด็กหญิงพิการ ห้ามเป็นทนายนาน 5 ปี

โกงเงินน้องบีม / พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้อง นางพรปวีณ์ ชูแก้ว กับน.ส.ภัทรวดีหรือฐิตาภา สวัสดี 2 เพื่อนสาวของ นายพิสิษฐ์ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในฐานร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม, ฐานเป็นผู้สนับสนุนบุคคลอื่นฉ้อโกงโดยกระทำผิดหน้าที่กับจำเลยที่ 1 และในฐานฉ้อโกงกับ จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา

พร้อมเรียกค่าสินไหมทดแทน เหตุเกิดวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 ต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.3509/2560 โดยมี น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ มารดา และด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง หรือ น้องบีม เป็นโจทก์ร่วม

โดยมีทนายความอาสาจากสภาทนายความ ซึ่งตนกับนายดำรงศักดิ์ เครือแก้ว อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ เป็นหัวหน้าทีม และในฐานะกำกับดูแลทนายความอาสาจากเนติบัณฑิตยสภาเข้าว่าความ

โฆษกสภาทนายความ กล่าวว่า คดีนี้ จำเลย ทั้ง 2 ให้การรับสารภาพ หลังจากนั้นฝ่ายโจทก์ได้สืบพยานประกอบจบสิ้นแล้ว น.ส.ภัทรวดี จำเลยที่ 2 เสนอชดใช้เงิน 50,000 บาทแก่โจทก์ร่วม และขอให้ถอนฟ้อง หรือถอนคำร้องทุกข์เพื่อให้คดีอาญาระงับไปเฉพาะจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ไม่คัดค้าน และในที่สุดจำเลยที่ 2 ก็นำเงินสดมามอบให้โจทก์ร่วมแล้ว

ว่าที่ พ.ต.สมบัติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดตลิ่งชันจึงมีคำพิพากษาว่า คดีนี้โจทก์ร่วมได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 2 แล้ว ไม่ติดใจเอาความ จึงขอถอนฟ้อง ศาลอนุญาตให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2

ส่วนนางพรปวีณ์ จำเลยที่ 1 ศาลพิพากษาว่า มีความผิดตามฟ้อง เป็นความผิด 2 กรรม ให้จำคุก 3 ปี 4 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ มีเหตุลดโทษ จึงให้คงจำคุกรวม 2 ปี 16 เดือน และให้ชดใช้เงิน 981,100 บาท แก่โจทก์ร่วมที่ 1 และ 1,405,000 บาท แก่โจทก์ร่วมที่ 2 พร้อมดอกเบี้ย ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงาน ทั้งนี้คดีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อครอบครัว ด.ญ.ภัทรดา หรือ น้องบีม แก้วผ่อง ประสบอุบัติเหตุถูกรถเทรลเลอร์ของบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งชน เป็นเหตุให้พิการต้องนั่งรถเข็นวีลแชร์ บิดาเสียชีวิต ส่วน ส่วนน.ส.พรทิพย์ มารดาได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2548

ต่อมาศาลจังหวัดไชยา อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พิพากษาให้ชนะคดีที่ฟ้องบริษัทขนส่งดังกล่าว เจ้าของรถเทรลเลอร์ คันเกิดเหตุ ค่าเสียหายเกือบ 6 ล้านบาท

ต่อมา นายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ อดีตทนายความ ได้ฉ้อฉลนำหนังสือมอบอำนาจปลอม ไปยื่นขอสละสิทธิ์การบังคับคดี แล้วแอบไปขอรับเงินจากบริษัทขนส่งฯคู่กรณี ซึ่งต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า การขอสละสิทธิ์บังคับคดีไม่ชอบ ให้ออกหมายบังคับคดีเรียกเงินเกือบ 6 ล้านบาทต่อไป

ขณะที่คดีอาญา ศาลจังหวัดตลิ่งชันได้พิพากษาจำคุก นายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ อดีตทนายความ ฐานฉ้อโกง, เป็นบุคคลที่ได้รับการไว้วางใจกระทำผิดหน้าที่, ปลอมและใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา เป็นเวลา 5 ปี 12 เดือน อีกทั้งสภาทนายความได้ลบชื่อออกจากสารบบ ห้ามเป็นทนายความ 5 ปี

ส่วนนางพรปวีณ์กับน.ส.ภัทรวดี เป็นผู้นำเอกสารปลอมไปหลอกมารดาน้องบีม ทำนองว่าเป็นตัวแทนของบริษัทคู่กรณีมาขอเจรจา อ้างว่าบริษัทกำลังขาดสภาพคล่องไม่มีเงินจ่าย ขอลดหนี้จาก 6 ล้านบาท เหลือ 3 ล้านบาท ดีกว่าจะบังคับเอาอะไรไม่ได้เลย

ซึ่งมารดาน้องบีมหลงเชื่อ แต่ฝ่ายจำเลยยังจ่ายเงินให้เพียง 2.8 แสนบาทเท่านั้น ที่เหลือเมื่อทวงถามก็บ่ายเบี่ยงแล้วหนีหายไป กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ ซึ่งคดีนี้ถือเป็นอันสิ้นสุด ภายหลังต่อสู้มานานถึง 13 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน