จากกรณี นางธนิสร กุยแก้ว อายุ 42 ปี ชาว ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ถูกนางธนิตา จันทร์อิ่ม อายุ 34 ปี ทำสัญญาว่าจ้างให้ทำข้าวกล่อง 10,000 กล่อง และน้ำดื่ม 10,000 ขวด เพื่อส่งโรงงานใน จ.สุโขทัย แต่กลับถูกเบี้ยวอ้างว่าทำผิดสัญญา ทำให้สูญเงินไปร่วม 1 ล้านบาท จากนั้นก็มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติม ว่าถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน ทำให้พ่อเครียดถึงขั้นเสียชีวิต แฉคนจ้างเคยถูกจับคดีฉ้อโกงมาหลายพื้นที่ ขณะที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องคดี ก่อนที่ตำรวจจะจับกุมตัว 2 คนร้ายได้ ตามที่เสนอข่าวมาแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 7 พ.ย. ที่ สภ.พญาแมน จ.อุตรดิตถ์ พล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงต่อผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 ราย คือ นางธนิตา จันทร์อิ่ม ผู้ชักชวน และ น.ส.กัญจ์หทัย สุกใส ผู้ทำสัญญา แล้ว โดยตน, รอง ผบก., ผกก.สภ.พญาแมน, สภ.วังกะพี้ และพนักงานสอบสวนทุกคน เร่งทำงานกันตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงขณะนี้ โดยได้สอบปากคำผู้เสียหายและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งลงพื้นที่โรงงานที่ผู้ทำสัญญากล่าวอ้างว่าทำข้าวกล่องส่ง ก็พบว่าไม่มีการทำสัมปทานดังกล่าว และได้ออกหมายเรียกเชิญผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ

รวมทั้งเข้าตรวจค้นที่บ้านของผู้ถูกกล่าวหา ก็พบเส้นทางการโอนเงินต่างๆ มูลค่ากว่า 100,000 บาท อย่างไรก็ตาม ผู้ถูกกล่าวหายังให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าผู้เสียหายผิดสัญญา ซึ่งเป็นคดีทางแพ่ง และไม่ยอมบอกว่านำข้าวไปส่งที่ไหน บอกว่าจะให้การในชั้นศาล ซึ่งตามพฤติการณ์การสั่งทำข้าวกล่อง 10,000 กล่อง โดยไม่มีที่มาที่ไป ก็ถือว่าผิดสังเกต ซึ่งเจ้าหน้าที่จะรวบรวมหลักฐานให้ครอบคลุมและรวดเร็วที่สุด เพื่อให้เรื่องนี้กระจ่างโดยเร็ว ไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่ออีก

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ส่วนประวัติคดีอื่นๆ นั้น พล.ต.ต.พยูห์ กล่าวว่า ในทางข้อมูล นางธนิตา มีประวัติครอบครองยาเสพติด แต่มีการสู้คดีจนยกฟ้องแล้ว ก็จะดำเนินการตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติม เนื่องจากเคยมีคดีฉ้อโกงในแถบนี้หลายคดี แต่สามารถเจรจายอมความและจบคดีไป จึงอยากให้ผู้เสียหายที่เคยถูกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 รายฉ้อโกง ก็ให้มาแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ สภ.พญาแมน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำ นางธนิตา และ น.ส.กัญจ์หทัย นั้น ได้มี น.ส.นภัสวรรณ ยิ้มเจริญ อายุ 26 ปี เดินทางมาที่ สภ.พญาแมน และเปิดเผยว่า พอทราบว่า นางธนิตา และ น.ส.กัญจ์หทัย มาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ จึงมารอเจอ และหากมีโอกาสได้พูดคุย ก็อยากจะถามว่า ยังมีชีวิตอยู่หรือ ยังไม่หยุดพฤติกรรมหลอกลวงชาวบ้านอีกหรือ ซึ่งปีที่ผ่านมาพ่อของตนคือ นายอัครเดช ยิ้มเจริญ ได้ทำสัญญาทำข้าวกล่องส่งให้ น.ส.กัญจ์หทัย เช่นกัน โดยมีระยะเวลาสัญญา 9 ปี ทำข้าวกล่องส่งวันละ 2 มื้อๆ ละ 10,000 กล่อง รวม 20,000 กล่อง เสียค่าทำสัญญาสัมปทานกว่า 700,000 บาท

และซื้อวัสดุอุปกรณ์ในการทำอาหารจาก น.ส.กัญจ์หทัย อีกว่า 2 ล้านบาท รวมเป็น 3 ล้านบาท แต่เมื่อทำข้าวกล่องส่งก็ไม่มีการรับข้าวกล่องไปตั้งแต่ทำครั้งแรก โดยอ้างว่าข้าวแฉะ ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้พ่อซึ่งเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เกิดอาการเครียดมากจนเสียชีวิต เนื่องจากพ่อตั้งใจและทุ่มเทกับงานนี้มาก โดยเลิกทำธุรกิจขายส่งสินค้าอุปโภคบริโภคมาทำงานนี้ ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากปรึกษากับทนายความแล้วได้รับคำแนะนำว่า สัญญาที่ทำตนเสียเปรียบทุกอย่าง เป็นคดีแพ่ง จะต้องเสียค่าทนาย เสียเวลาขึ้นโรงขึ้นศาล และไม่รู้ว่าจะได้ค่าชดเชยหรือไม่ จึงทำใจว่าฟาดเคราะห์ไป ทั้งนี้ ดีใจที่มีคนออกมาแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งตนพร้อมเป็นพยานให้เต็มที่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากสอบปากคำ นางธนิตา แล้ว เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้นำตัว นางธนิตา เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 99/9 หมู่ 3 ต.พญาแมน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นบ้านของ นางธนิตา เบื้องต้นตรวจพบสัญญาว่าจ้างต่างๆ ก่อนที่จะนำตัวกลับมาสอบปากคำต่อที่ สภ.พญาแมน โดยแยกห้องสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จประมาณ 24.00 น.


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน