ครูสาว สุดช้ำหอบเอกสารร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกปลอมลายเซ็นเบิกเงินกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ฯ เกลี้ยงบัญชี 2 ล้าน แฉขบวนการนายหน้าวิ่งเต้นเดินเรื่อง กู้เงินหักหัวคิว 13 เปอร์เซ็นต์

ครูสาว / เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ นางเยาวลักษณ์ ภูชุม อายุ 34 ปี ครูวิทยฐานะครูชำนาญการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย แม่ คือนางไสว บรรลือเสียง อายุ 60 ปี นำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ เพื่อขอความช่วยเหลือและให้ช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ หลังจากส่งเรื่องขอกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด และได้รับการอนุมัติเงินกู้จำนวน 2,000,000 บาท ซึ่งถูกหักเป็นค่าหุ้น 419,700 บาท เหลือ 1,580,300 บาท แต่กลับถูกปลอมแปลงเอกสารเบิกเงินกู้จากบัญชีออมทรัพย์สหกรณ์ออกไปจนหมดบัญชี

ซึ่งที่ผ่านมาเข้าขอความช่วยเหลือจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด แล้ว แต่ไม่ได้รับคำตอบและคำชี้แจงใดๆ จนทำให้เป็นหนี้ก้อนโต แต่ไม่ได้ใช้เงิน โดยมีนายไชยา เครือหงส์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ รับเรื่องร้องทุกข์

นางเยาวลักษณ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ตนเข้าติดต่อขอกู้เงินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด ประเภทสามัญหลายครั้ง เพราะมีความจำเป็นต้องนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัวและซ่อมแซมบ้านให้กับแม่ แต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้งมาโดยตลอด ซึ่งเจ้าหน้าที่อ้างว่าอายุราชการและเงินเดือนยังมีน้อยอยู่ จึงไม่สามารถกู้เงินได้

กระทั่งมีผู้แนะนำให้ไปขอความช่วยเหลือกับข้าราชครูหญิงคนหนึ่งใน อ.กุฉินารายณ์ สังกัด สพป.กาฬสินธุ์เขต 3 เนื่องจากเป็นผู้กว้างขวาง โดยข้าราชการครูหญิงคนดังกล่าวอ้างว่า รู้จักกับเจ้าหน้าที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์หลายคน สามารถช่วยในการกู้เงินผ่านง่ายและรวดเร็ว แต่มีเงื่อนไขและข้อแม้ว่าจะต้องจ่ายเงินร้อยละ 13 จากยอดเงินกู้ทั้งหมดเป็นค่าดำเนินการ ซึ่งไม่รวมดอกเบี้ยตามปกติ ของเงินกู้สหกรณ์ฯ

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ทั้งนี้ ด้วยเหตุจำเป็นที่เดือดร้อนและต้องการใช้เงิน ตนจึงหลงเชื่อนำเอกสารต่างๆ มอบผ่านครูหญิงคนดังกล่าวไป

นางเยาวลักษณ์ กล่าวต่อว่า จากนั้นเรื่องเงียบหายไปนานหลายเดือน ตนจึงพยายามสอบถามความคืบหน้าไปยังครูสาวคนดังกล่าวหลายครั้ง แต่ก็ได้รับคำตอบว่าให้รอไปก่อน เจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ ยังไม่อนุมัติเงินกู้

กระทั่งสิ้นเดือนต.ค.2561 ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด หักเงินเพื่อชำระเงินกู้งวดแรกจากบัญชีเงินเดือนของตนจำนวนประมาณ 19,000 บาท จากเงินเดือน 24,000 บาท ทำให้เกิดความสงสัยจึงสอบถามไปยังครูสาวอีก ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าไม่เป็นไร และเรื่องเงินกู้ยังไม่เรียบร้อย

ต่อมาช่วงสิ้นเดือนพ.ย.2561 ทางสหกรณ์ฯหักเงินเดือนชำระหนี้เป็นงวดที่ 2 พร้อมกับได้รับเอกสารจากทางสหกรณ์ฯ ซึ่งเป็นเอกสารต่างๆเกี่ยวกับในการทำสัญญาเงินกู้ ทำให้ทราบว่าทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์จำกัด อนุมัติเงินกู้ให้ตนแล้วตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.61

จึงสอบถามไปยังครูสาวคนดังกล่าวอีกครั้ง แต่ก็ยังได้รับคำตอบเดิมๆ ว่า ยังไม่เรียบร้อย ยังไม่ได้รับการอนุมัติ และเงินยังอยู่กับเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ ตนเกรงว่าจะถูกหลอก จึงเดินทางเข้าไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ ก็พบว่าเงินกู้จำนวน 1,580,300 บาท ซึ่งเหลือจากการถูกหักเป็นค่าหุ้นจำนวน 419,700 บาท จากจำนวนเงินกู้ทั้งหมด 2,000,000 บาท ที่ถูกโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์สหกรณ์ครูกาฬสินธุ์ ถูกถอนไปจนหมดเกลี้ยงบัญชี จึงตกใจและขอตรวจสอบเอกสารกับเจ้าหน้าที่

ครูสาว กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารกับทางเจ้าหน้าที่ก็พบว่ามีผู้ปลอมลายมือชื่อ และปลอมเอกสารใบมอบฉันทะดำเนินการเบิกเงินในบัญชีของตนออกไปทั้งหมด ทราบภายหลังว่าชื่อผู้ที่ปลอมลายเซ็นนั้นมีตำแหน่งเป็นข้าราชการตำบลแห่งหนึ่งใน อ.เมืองกาฬสินธุ์ จึงสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ฯ ว่าให้คนอื่นมาเบิกเงินของตนไปได้อย่างไร แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน บอกเพียงว่าดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง

“ดิฉันจึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองกาฬสินธุ์ พร้อมกับเข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ เนื่องจากเชื่อว่าถูกหลอก นำเอกสารไปกู้เงินแล้วแต่ไม่ได้เงิน แถมยังต้องเป็นหนี้ก้อนโต และการดำเนินการกู้เงิน รวมทั้งการปลอมแปลงเอกสารเบิกเงินของดิฉันนั้น น่าจะมีการร่วมกันทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะเข้าขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะเข้าไปขอคำชี้แจงกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์อีกครั้ง” นางเยาวลักษณ์ กล่าว

ด้านนายไชยา เครือหงส์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องร้องทุกข์ของครูคนดังกล่าวไว้ และจะรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา พร้อมกับเร่งประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงและขอทราบรายละเอียด เพื่อที่จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับผู้ร้องทุกข์ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน