คุมตัวแก๊งฆ่าฝังดิน ทำแผนฯ ตร.แฉเหยื่อโดนซ้อมจนกระอักเลือด ถึงขั้นร้องขอชีวิต ก่อนนำร่างไปทิ้งที่ป่าหลังโรงเรียน ส่วนนายโอหลบไปจ.อุบลราชธานีก่อนฮึดสู้จนถูกตร.วิสามัญ ด้านกิ๊กสาวปัดลวงหนุ่มมาตาย บอกไม่รู้เรื่อง ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เผยไม่กล้าขัดใจนายสมศักดิ์ หากขัดใจ อาจมีจุดจบเหมือนเหยื่อ

จากกรณีฆ่าฝังดิน นายชัยประสิทธิ์ บุญเลิศ อายุ 34 ปี พนักงานคลังสินค้า สถานีส่งน้ำสุวรรณภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจแกะรอยจากเฟซบุ๊ก ก่อนจับกุมหญิงสาวที่แช็ตต้องสงสัย จนทราบว่านายชัยประสิทธิ์ถูก นายสมศักดิ์ หรือ โอ เล็ดลอด อายุ 29 ปี กับลูกสมุนฆ่าฝังดินไว้ ในพื้นที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา โดยคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 8 ราย ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

แก๊งฆ่าฝังดิน / ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่ สภ.บางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลการจับกุม

น.ส.แปทิพย์ โลกรัก หรือ ปลา อายุ 21 ปี, นายทินกร สุขเจริญ หรือ เก่ง อายุ 41 ปี, นายวิศรุต หีบเงิน หรือ อู อายุ 28 ปี, นายกิตติพงษ์ จงเจริญพิศาล หรือ เป้ อายุ 24 ปี, นายถนอม ดีสละ หรือ ต้อม อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ในข้อหาร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ พร้อมกับนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นมีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 8 ราย เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับทั้งสิ้น 7 ราย ซึ่งมีผู้ต้องหาอยู่ในเรือนจำ 1 ราย และหลบหนี 1 ราย ไปที่บ้านญาติจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญเมื่อคืนที่ผ่านมา

พล.ต.อ.อำพลกล่าวว่า สืบเนื่องจาก น.ส.แปทิพย์คบหากับนายชัยประสิทธิ์ ได้ไม่นาน ตนทราบว่าผู้ตายมีครอบครัวแล้วจึงแยกทางกัน จนกระทั่งน.ส.แปทิพย์ มารู้จักและคบหากับนายสมศักดิ์ หรือโอ เล็ดลอด อายุ 29 ปี ได้เดือนเศษ

โดยก่อนเกิดเหตุคือวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา นายชัยประสิทธิ์ทักแช็ตเฟซบุ๊กมาหาน.ส.แปทิพย์ ซึ่งขณะนั้นโทรศัพท์ของน.ส.แปทิพย์อยู่ที่นายสมศักดิ์ จึงทำให้นายสมศักดิ์เห็นข้อความที่นายชัยประสิทธิ์ทักมา นายสมศักดิ์จึงตอบข้อความทำทีว่า น.ส.แปทิพย์เป็นคนพูดคุย และนัดนายชัยประสิทธิ์ ให้ออกมาหาที่บ้านของนายสมศักดิ์ ภายในชุมชนหลังวัดมงคลนิมิตร ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ

พล.ต.อ.อำพลกล่าวต่อว่า จนกระทั่งนายชัยประสิทธิ์ เลิกงานประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 2 ก.พ. นายชัยประสิทธิ์ขี่รถจักรยานยนต์มาหาน.ส.แปทิพย์ ที่บ้านของนายสมศักดิ์ตามแช็ตนัดกันไว้ ซึ่งขณะนั้นน.ส.แปทิพย์ อยู่ในบ้านกับนายสมศักดิ์ เมื่อนายชัยประสิทธิ์เดินทางมาถึง น.ส.แปทิพย์จึงเรียกเข้ามาในบ้าน โดยที่นายชัยประสิทธิ์ ไม่ทราบว่านายสมศักดิ์ยืนรออยู่

ทันทีที่นายชัยประสิทธิ์เข้ามาถึงในบ้าน นายสมศักดิ์ก็เข้าไปพูดคุยสอบถามว่ามาทำอะไร และนายสมศักดิ์อาศัยจังหวะที่นายชัยประสิทธิ์เผลอ เตะเข้าที่ข้อพับขาของนายชัยประสิทธิ์ จนล้มทั้งยืน ก่อนจะเตะซ้ำเข้าที่ใบหน้าและลำตัวอีกหลายครั้งจนนายชัยประสิทธิ์กระอักเลือด และเอ่ยปากร้องขอชีวิต ซึ่งขณะนั้นน.ส.แปทิพย์ ยอมรับว่าได้แต่ยืนมองนายสมศักดิ์ทำร้ายผู้ตาย โดยไม่กล้าเข้าไปช่วยหรือห้ามปรามเนื่องจากกลัวว่าจะถูกนายสมศักดิ์ทำร้ายด้วย

หลังจากที่นายสมศักดิ์ เตะจนหนำใจกว่า 10 นาทีแล้ว จึงโทร.ตามนายถนอม หรือ ต้อม ดีสละ อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นลูกน้องของนายสมศักดิ์ ให้มาช่วยเอาเชือกมัดมือผู้ตายไพล่หลังและขังไว้ในห้อง โดยที่ให้นายถนอมศักดิ์ ยืนเฝ้านายชัยประสิทธิ์ เพื่อป้องกันการหลบหนีก่อนที่นายสมศักดิ์จะออกไปข้างนอก

จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น.ของคืนเดียวกัน นายสมศักดิ์ย้อนกลับมาและใช้เท้าเตะนายชัยประสิทธิ์ ซ้ำอีกหลายครั้ง จนนายชัยประสิทธิ์ กระอักเลือดและหมดสตินอนหายใจรวยริน นายสมศักดิ์จึงโทร.ตามนายวิศรุต กรือ อู หีบเงิน อายุ 28 ปี และนายกิตติพงศ์ หรือ เป้ จงเจริญพิศาล อายุ 24 ปี และนายถนอมให้มาช่วยใช้ผ้าห่มห่อร่างนายชัยประสิทธิ์ ซึ่งขณะนั้นยังมีชีวิตอยู่แต่หายใจรวยริน

จากนั้นนายสมศักดิ์ โทร.ไปติดต่อขอเช่ารถจากนายนพพล หรือแอป เที่ยงคืน แต่นายนพพลเมาจึงให้นายสมศักดิ์เป็นคนขับ โดยมาบรรทุกรถจักรยานยนต์และร่างของนายชัยประสิทธิ์ ที่ยังหายใจอยู่ แต่ไม่ได้สติ ก่อนที่จะนำรถจักรยานยนต์และร่างของนายชัยประสิทธิ์ ไปทิ้งในซอยวัดบัวโรย ต.บางเสา อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดยแยกร่างของนายชัยประสิทธิ์ ไปทิ้งอีกที่หนึ่ง ห่างจากจุดที่ทิ้งรถจักรยานยนต์ประมาณ 3 กิโลเมตร ก่อนขับรถกระบะไปคืนนายแอปที่บ้าน และพากันกลับมาที่บ้านพัก

จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น เห็นข่าวจากเฟซบุ๊กว่าตำรวจไปพบรถจักรยานยนต์ที่กลุ่มผู้ต้องหานำไปทิ้งแล้ว นายสมศักดิ์จึงโทรศัพท์ให้นายเก่ง หรือนายทินกร สุขเจริญ อายุ 41 ปี และนายบาส หรือนายจักรกฤษณ์ น้อยสวัสดิ์ อายุ 19 ปี นำร่างของนายชัยประสิทธิ์ไปทิ้งที่ป่าหลังโรงเรียนวัดต้นหมัน หมู่ 3 ต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนที่จะแยกย้ายกันหลบหนี

ส่วนน.ส.แปทิพย์หนีไปกบดานที่บ้านญาติในซอยลาซาล 20 แขวงเขตบางนา กทม. ก่อนตัดสินใจติดต่อเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางเสาธง ติดตามไปจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุได้ทั้งหมด

ผบช.ภ.1 กล่าวอีกว่า สำหรับนายสมศักดิ์นั้น ภายหลังจากที่ตำรวจจับกุมตัวกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดได้ นายสมศักดิ์จึงหลบหนีไปยังจ.อุบลราชธานี เพื่อมาหลบซ่อนอยู่บ้านแม่และน้องสาว เจ้าหน้าที่จึงติดตามมาจนกระทั่งพบรถต้องสงสัย คาดว่าเป็นรถที่นายสมศักดิ์ใช้หลบหนีจอดอยู่หน้าบ้าน จึงแสดงเข้าตรวจสอบเมื่อกลางดึกวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา

แต่ปรากฏว่านายสมศักดิ์ไหวตัวทันขับรถหลบหนีมุ่งหน้าเข้าเขต อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ต่อมาตำรวจชุดไล่ล่าพบนายสมศักดิ์ ขับรถอยู่บริเวณสี่แยกไฟแดงลือชัย พื้นที่ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร จึงเข้าปิดล้อมจับกุม แต่นายสมศักดิ์ชักอาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการยิงปะทะกันขึ้น สิ้นเสียงปืนพบว่านายสมศักดิ์ ถูกกระสุนปืนของตำรวจยิงเสียชีวิต

ด้าน พล.ต.ต.ธนายุตม์กล่าวว่า จากกระแสข่าวว่ากลุ่มผู้ต้องหาใช้ของแข็งทุบที่ข้อเท้าและเข่าของผู้ตาย เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ตายวิ่งหนีนั้น ในส่วนนี้ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล โดยจะเร่งรัดทางสถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป แม้ว่าวันนี้กลุ่มผู้ต้องหาจะให้การว่า ผู้ที่ลงมือทำร้ายนายชัยประสิทธิ์จนเสียชีวิต จะมีเพียงแค่นายโอคนเดียว ตำรวจจะไม่ปักใจเชื่อ และจะสอบสวนต่อไป

ขณะที่มูลเหตุจูงใจในครั้งนี้พบว่าเป็นเรื่องหึงหวง โดยจากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทั้ง 7 คน พบว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งหมด ส่วนนายชัยประสิทธิ์ผู้ตายยังไม่มีข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติด

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ส่วน น.ส.ปิยะพร เล็ดลอด หรือ มด น้องสาวนายสมศักดิ์ ที่พบข้อมูลว่าช่วยพานายสมศักดิ์หลบหนีนั้น จากข้อมูลหลักฐานในขณะนี้ยังสาวไปไม่ถึง แต่ทางตำรวจจะเรียกตัวมาสอบปากคำอย่างแน่นอน

ขณะที่ น.ส.แปทิพย์กล่าวว่า ตนยืนยันในความบริสุทธิ์ ตนไม่ได้เป็นคนล่อลวงหรือนัดแนะให้นายชัยประสิทธิ์มาตาย นายสมศักดิ์เป็นคนพูดคุยกันเอง ตนไม่รู้เรื่อง ส่วนตัวละครตัวอื่น ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ไม่มีใครตั้งใจ แต่ในสถานการณ์ตอนนั้นไม่มีใครกล้าขัดใจนายสมศักดิ์ ซึ่งถ้าหากตนขัดใจ ตนอาจจะมีจุดจบเหมือนนายชัยประสิทธิ์ก็ได้

ต่อมา นายมานพ บุญเลิศ อุ้มลูกของนายชัยประสิทธิ์พร้อมด้วยน.ส.เมย์ น้องสาวของผู้ตาย เดินทางมามอบช่อดอกไม้ให้กับ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ พร้อมกล่าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยในคดีนี้ บอกตามตรงว่าตนและครอบครัวเสียใจมาก เพราะลูกผู้ตายยังเล็ก และเชื่อว่าชีวิตยังไงก็ต้องแลกด้วยชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวน.ส.แปทิพย์ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีชาวบ้านมามุงดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก และทางฝั่งญาติของนายชัยประสิทธิ์วิ่งเข้ามาตบที่ใบหน้าของน.ส.แปทิพย์ อย่างแรง ด้วยความโกรธ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้กันตัวให้ออกห่างจากกลุ่มผู้ต้องหาทันที

เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และร่วมกันฝัง อำพราง ซ่อนเร้น ย้าย หรืออำพรางศพ เพื่อปิดปังการตายหรือสาเหตุแก่การตาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน