เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นบ้านสาวตัวการฆ่า ‘สามเณรปลื้ม’ พบเอกสารสำคัญเกี่ยวกับวัดอื้อ พร้อมหนังสือตราตั้งตำแหน่งทางคณะสงฆ์อดีตเจ้าอาวาสซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า ตู้เซฟขนาดใหญ่ รวมทั้งบัญชีธนาคารวงเงินหมุนเวียนเกือบ 5 ล้าน

จากกรณีฆาตกรรมสามเณรปลื้ม หรือ ศุภโชค เอกเกียรติกุล อายุ 17 ปี ฝังศพโบกปูนทับไว้ภายในวัดวังตะวันตก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล ผู้จัดการบัญชีวัด นายเด่นชัย ภูมินิยม หรืออดีตพระเด่นชัย สามีของน.ส.ปิยฉัตร และนายสุริยา กุศลสุข หรืออดีตสามเณรสุริยา โดยทั้ง 2 คนหลังให้การรับสารภาพ และถูกควบคุมตัวทำแผนฯ อยู่ในระหว่างขยายผลสอบสวนไปหาผู้ที่มีส่วนในการฆาตกรรมและอำพรางซ่อนเร้นศพอีกร่วม 10 คน ล่าสุดตร.จับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 คน คือนายนที ศรีดร หรือ เบนซ์ อายุ 24 ปี ผู้ที่ร่วมกันขุดหลุมฝังศพสามเณรปลื้ม และได้ค่าขุด 10,000 บาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว จ่อจับอีก3ฆ่าฝังเณร-อายัดบัญชีมือทุบ เงินผัว-เมีย นับสิบล้าน คืนกลับวัด

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 มิ.ย. พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผลก.ภ.นครศรีธรรมราช สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดฯ นำหมายค้นของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 46/21 มีข้อความที่หน้าบ้านว่า “บ้านพระนาย” อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล หรือบิว หนึ่งในผู้ต้องร่วมฆาตกรรมสามเณรปลื้ม หรือสามเณรศุภโชค เอกเกียรติกุล สามเณรที่ถูกฆ่าฝังดินภายในวัดวังตะวันตก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

โดยผลจากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบหลักฐานจำนวนมาก โดยเฉพาะใบเสร็จรับเงินค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ของวัดวังตะวันตก ซึ่งมียอดจ่ายเดือนละราวเกือบ 4 พันบาทต่อราย เป็นตัวเลขที่คำนวนแล้วพบว่าต่อเดือนวัดจะมีรายได้เฉลี่ยจากค่าเช่า 89 รายรวมแล้วกว่า 3.5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากของวัดอีกหลายเล่ม ซึ่งเมื่อตรวจดูพบว่ามีเงินหลงเหลืออยู่ในบัญชีในระดับหลักร้อยถึงหลักพัน และหลักหนึ่งหมื่นบาทเศษ ส่วนบัญชีของ น.ส.ปิยฉัตรนั้นมีวงเงินหมุนเวียนจำนวนเกือบ 5 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ

นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังอายัดตู้เซฟขนาดใหญ่ไว้ด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดดูภายในได้ รวมพบหลักฐานอื่นๆ เช่น ผ้าไตรจีวร ใบตราตั้งสมณศักดิ์จากพระราชปฏิภาณโสภณ เลื่อนสมศักดิ์สูงขึ้นเป็นพระเทพสิริโสภณ รังนกอีแอ่นหลายกิโลกรัม ซึ่งถูกระบุว่าเป็นรังนกที่ได้จากอาคารภายในวัด โดยถูกเก็บออกมาขายเป็นรายเดือนเฉลี่ยเดือนละราว 10 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 3-6 แสนบาท ไม่นับรวมรายได้เงินสดรายวันจากค่าจอดรถและค่าเช่าแผงพระเครื่อง ซึ่งต้องจ่ายทั้งรายวันและรายเดือนอีกประมาณวันละ 1.5 ถึง 2 หมื่นบาท

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับวัดวังตะวันตกไว้เป็นของกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน