เปิดใจ “น้องน้ำขิง” ปลื้มปีติ “ในหลวง” ทรงขอบใจจดหมายถวายพระพร
วันที่ 14 ต.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 93/66 หมู่บ้านกานดา หมู่ 3 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อพบกับ น.ส.ชลลดา พุ่มอิ่ม หรือ น้องน้ำขิง อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 ร.ร.กาญจนานุเคราะห์ จ.กาญจนบุรี ที่ตอนอายุเพียง 6 ขวบ เคยเขียนจดหมายขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหายจากพระอาการประชวร โดยให้ น.ส.นิลุบล สุวัฒนมงคลชัย ผู้เป็นแม่นำจดหมายไปส่งให้ และถามแม่ทุกวันว่า จดหมายจะถึงมือในหลวงไหม กระทั่งเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ มีจดหมายจากสำนักราชเลขาธิการ ตอบกลับมา 1 ฉบับว่า

“ถึง ด.ญ.ชลลดา พุ่มอิ่ม ตามที่ขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของคณะแพทย์ เพื่อถวายการรักษา เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2549 นั้น ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงขอบใจ ลงวันที่ 4 กันยายน 2549”

ซึ่งจดหมายดังกล่าวสร้างความดีใจให้แก่น้องน้ำขิงและครอบครัวเป็นอย่างมาก ซึ่งแม่น้องน้ำขิงได้เก็บรักษาจดหมายฉบับดังกล่าวไว้เป็นอย่างดีตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

น้องน้ำขิง เล่าว่า เมื่อตอน 6 ขวบ เห็นในหลวงทรงพระประชวร ก็เลยอยากจะเขียนจดหมายถึงพระองค์ท่าน เพื่อขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวร ทีแรกไม่กล้าเขียนด้วยความเป็นเด็กลายมือไม่สวย ใช้คำราชาศัพท์ไม่เป็น ก็เลยถามแม่ แม่บอกว่าเขียนได้ใช้คำธรรมดาสามัญนี่แหละ ก็รีบเขียนทันทีขอให้ในหลวงทรงหายป่วยโดยเร็ว จากนั้นขอให้แม่เอาไปส่งจนกระทั่งผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ มีจดหมายตอบกลับมา ดีใจอย่างมากและขอให้แม่เก็บรักษาจดหมายไว้ให้ โดยทุกครั้งที่มาจาก จ.กาญจนบุรี เพื่อมาบ้าน จ.สมุทรสาคร จะต้องเอาจดหมายฉบับนี้มาอ่านเสมอ

“หนูรักและเทิดทูนในหลวงอย่างมากพระองค์ท่านไม่เหมือนพระมหากษัตริย์ที่ใดในโลก ในความรู้สึกทรงเป็นบุคคลที่คนธรรมดาสามัญอย่างเราสามารถเข้าถึงได้ทรงดูแลและห่วงใยประชาชนทุกคนมีคำสอนที่ยิ่งใหญ่คือ ให้คนไทยดำเนินชีวิตแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งครอบครัวก็นำมาปรับใช้กับอาชีพเกษตรกรรม” น้องน้ำขิง กล่าว

ด้าน น.ส.นิลุบล กล่าวว่า น้องน้ำขิงมักจะถามเกี่ยวกับในหลวงเสมอ ส่วนจดหมายที่ได้รับกลับมานี้จะนำไปใส่กรอบไว้ที่บ้านเคียงข้างกับพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน