ช็อกสุดขีด ผู้ว่าฯสั่งสอบสำนักพิสดาร สอบประวัติพระบิดา จ่อรื้อสำนักประหลาด อายัด11ศพหาสาเหตุการตาย ลูกมาตามแม่ ช็อกคาตาเห็นกำลังเอาเสมหะล้างหน้า รองคราบขี้ไคลเข้าปาก

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า หลังจาก วันที่ 8 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา พร้อมทีมงาน และ สื่อมวลชน พร้อมด้วย พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร กำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสำนักปฏิบัติธรรมปลัดที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนาในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการกักขังผู้มาปฏิบัติธรรมและรักษาโรคโดยวิธีการแบบแปลกประหลาดไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นกระต๊อบไม้ชั้นเดียวมุงด้วยใบหญ้าคาภายในมีข้าวของวางสุมกองใว้ และมีชายหญิงตั้งแต่วัยกลางคนไปถึงผู้สูงอายุราว 30 คน นั่งรายล้อมชายชราผมยาว ไม่สวมเสื้อ ที่บรรดาผู้มาปฏิบัติธรรมพากันเรียกว่า พระบิดา สาวกทุกคนจะไม่ใส่หน้ากากอนามัยเพราะเชื่อว่าหากอยู่ในสำนักภายใต้การปกครองของพระบิดา โรคโควิด-19 จะไม่สามารถทำอันตรายกับพวกเขาได้

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก น.ส.เจนจิรา อายุ 53ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น ได้ร้องเรียนไปที่ หมอปลา ว่ามารดา ชื่อนางน้อย อายุ 80ปี ถูกหลานสะใภ้ชวนไปปฏิบัติธรรม ที่อาศรมแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ เมื่อปีที่ผ่านมาและตั้งแต่เข้าไปปฏิบัติธรรมปรากฏว่ามารดามีพฤติกรรมแปลกประหลาดคล้ายถูกล้างสมอง อาศรมแห่งนี้มีเจ้าสำนักชื่อนายนที หรือ สาวกเรียกว่า พระบิดา อ้างว่าเป็นพระบิดาของทุกศาสนามีความสามารถในการรักษาโรคภัยเป็นผู้สร้างโลกและยังสอนให้ลูกศิษย์ที่อาศัยในอาศรมแห่งนี้กว่า 30 ชีวิต ปฏิบัติกิจแปลกๆ เช่น กินคราบเหงื่อไคล ขี้ไคล ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย เสมหะและก้นบุหรี่ของพระบิดา เพราะเชื่อว่าเป็นพระโอสถ สามารถรักษาโรคต่างๆได้ รวมถึงโรคโควิด-19 นอกจากนี้ลูกศิษย์ยังนำดินโคลน อุจจาระและปัสสาวะของพระบิดาที่ได้ถ่ายทิ้งไว้มาพอกตัวอ้างว่าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้เช่นกัน โดยไม่ต้องไปหาหมอ

โดย น.ส.เจนจิรา ยังให้ข้อมูลอีกว่าหลังจากที่แม่เข้าไปปฏิบัติธรรมในอาศรม แม่ถูกห้ามไม่ให้กลับบ้าน ตนเดินทางไปเยี่ยมแม่พอไปถึงมีลูกศิษย์สั่งให้ก้มกราบพระบิดาด้วยการเอามือทั้ง 2 ข้างวางซ้อนกันแล้วก้มหัวลงกับพื้นจนครบ 9 ครั้ง ห้ามมองหน้าพระบิดา ผู้หญิงที่เข้าไปทุกคนต้องสวมผ้าถุงยาวคลุมเข่า ผู้ชายต้องนุ่งกางเกงขายาวและต้องถอดรองเท้าเพื่อให้เกียรติด้วย

แต่สิ่งที่ทำให้ตนช็อกสุดขีด คือ เห็นกับตาว่าแม่ที่อาศัยในนั้นมา 1 ปีกำลังเอาเสมหะหรือเสลดของพระบิดามาล้างหน้าก่อนจะเอามือไปรองคราบขี้ไคลมารับประทาน ตนตกใจเป็นอย่างมาก

ในสำนักดังกล่าวยังมีศพที่ถูกเก็บรักษาไว้อีกจำนวน 11 ศพ เป็นศพผู้มาปฏิบัติธรรมแล้วเสียชีวิต สาวกอ้างว่าเป็นคำสั่งของพระบิดาที่ไม่ยอมให้เอาศพส่งคืนญาติ เพราะถือว่าเมื่อเข้ามาถือศีลแล้วเท่ากับเป็นการถวายตัวต่อพระบิดา ตายไปแล้วห้ามนำศพกลับบ้าน มารดาตนก็ยินยอมถวายตัวให้กับพระบิดาสั่งเสียว่าหากตายไปแล้วไม่ต้องเอาศพออกมาทำพิธี

ขณะเดียวกันเมื่อหมอปลาและทีมงานเดินทางไปถึงบรรดาลูกศิษย์ต่างๆแตกตื่นและตกใจที่หมอปลานำสื่อมวลชนจำนวนมากบุกเข้ามาในสำนัก ก่อนที่จะมีหญิงสาวรายหนึ่งเข้ามากอดแขนและดึงหมอปลาไปหาพระบิดา บอกว่าไม่ต้องแวะที่ไหนเพราะบุคคลที่จะเข้ามาในสำนักทุกคนจะต้องมารายงานตัวให้พระบิดารับทราบ จากนั้นหมอปลาก็ได้สอบถามชายที่อ้างตัวเป็นพระบิดาทราบชื่อว่านายนที หรือ โจเซฟ (ไม่มีนามสกุล) อ้างตัวเป็นพระเมตไตรยะ หมอปลาและผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายนทีว่าทำไมถึงสั่งสอนลูกศิษย์ให้เชื่อเรื่องงมงายแบบนี้และถามในหน้าที่คือพระเจ้าผู้สร้างโลกจริงหรือไม่ นายนทีปฏิเสธบอกไม่ได้สอนลูกศิษย์เพียงแค่ลูกศิษย์เชื่อกันเองแล้วตนไม่ได้บังคับให้กินอึหรือกินฉี่

ระหว่างนั้นได้มีลูกศิษย์หญิงสูงวัย 2 คนก้มดื่มฉี่ที่พระบิดาฉี่ไว้ในหลุม และบอกว่านี่คือพระโอสถชั้นดี ที่บรรดาลูกศิษย์ที่เห็นนี้ได้กินกันหมดแล้ว พร้อมบอกว่าคนที่ได้กลิ่นเหม็นและอาเจียนคือคนที่จิตใจไม่บริสุทธิ์ นอกจากนี้พระบิดามักจะให้ลูกศิษย์กินขี้ไคลตัวเอง อ้างว่าทุกสิ่งที่ขับออกจากร่างกายพระบิดาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หากใครได้กินแล้วจะหายจากโรคร้ายได้หมด จากนั้นนายนทีที่ได้ใช้ฝ่ามือถูขี้ไคลส่งให้กับลูกศิษย์หญิงคนหนึ่งหยิบก้อนขี้ไคลใส่ปากทันที พร้อมบอกว่าก้อนขี้ไคลคือยารักษาโรคชั้นดีกินแล้วร่างกายแข็งแรง

จากการตรวจสอบด้านหลังเตียงนอนของพระบิดายังพบโลงศพเขียนชื่อว่า นางวัล ทราบว่าโลงศพดังกล่าวเป็นศพของมารดาของพระบิดาเจ้าสำนักเพี้ยน ส่วนด้านนอกเพิงพักยังพบโลงศพขนาดใหญ่จำนวน 3 โลง และโลงศพของเด็กทารก 1 โลง ลักษณะของโลงศพทุกโลงจะถูกเจาะระบายน้ำเหลืองออกมา

ขณะที่นายมานะ อายุ 45 ปี หนึ่งในผู้ปฏิบัติธรรมเปิดเผยว่า ในสำนักแห่งนี้มีเพียง 5 ศพเท่านั้นที่เห็น แต่ยังมีอีก 6 ศพ ที่ถูกเก็บบรรจุไว้ตามจุดต่างๆ ทั้งในกระท่อมและมีการฝังลอย รวมทั้งสิ้นแล้วมีทั้งหมด 11 ศพ ทุกศพที่นำมาตั้งไว้ที่แห่งนี้มีญาติและญาติได้ยินยอมพร้อมกับมีใบแจ้งตาย ถูกต้องตามกฎหมายทุกศพ ญาติของบางศพได้มาปฏิบัติธรรมอยู่ที่สถานที่แห่งนี้ ส่วนการบรรจุศพจะเป็นไปตามกระบวนการของทีมแพทย์ใส่ถุงซิปแบบมิดชิดแต่ไม่ได้ฉีดฟอร์มาลีน ซึ่งศพก็ได้ส่งกลิ่นเหม็นแต่ยอมรับว่ามีน้ำเหลืองไหลออกมาบ้างแต่ไม่มาก

ล่าสุดทางผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ อส. เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าวแล้วโดยเบื้องต้น สถานที่แห่งนี้ได้เปิดเป็นสำนักลักษณะเป็นลัทธิความเชื่อในกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง รักษาโรคตามคำกล่าวอ้าง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มจากมีประชาชนร้องเรียนไปยังหมอปลาเพื่อร้องขอความช่วยเหลือว่ามีญาติเข้าไปรักษาในสำนักแห่งนี้แล้วหายตัวไป อยากให้มาช่วยเหลือนำตัวกลับออกมา โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ หลังพบคนในสำนักไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย

พร้อมทั้งพิจารณาข้อกฎหมายอื่นๆเพื่ออายัดศพทั้ง 11 ศพ ส่งไปทำการตรวจชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ถูกต้อง และพิจารณาในข้อกฎหมายกรณีบุกรุกพื้นที่สาธารณประโยชน์ด้วยหรือไม่ หากผิดจริงจะสั่งให้หรือถอนเพิงพักออกทั้งหมด ก่อนที่จะขอตรวจสอบข้อมูลประวัติเกี่ยวกับพระบิดา เจ้าสำนักประหลาดแห่งนี้ หากมีมูลความผิดก็จะได้ส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน