ด.ช.6 ขวบ ดับเพิ่ม เหตุพายุซัดหลังคาร.ร.ถล่ม รวม 7 ศพ นร.4 ศพ ภารโรง 1 ศพ ผู้ปกครอง 2 ศพ ชาวบ้านเล่าเสียงดังคล้ายเกิดสงครามร่มเกล้า แรงสุดใน 40 ปี
กรณีลมพายุพัดโครงสร้างหลังคาโดมลานอเนกประสงค์ ภายในโรงเรียนวัดเนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร ล้มทับนักเรียนและผู้ปกครองที่มาเล่นกีฬา แล้วเข้าไปหลบฝนจนโดมหลังคาพังลงมาจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 19 ราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมานั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 23 พ.ค.66 นางกรรณ์การ์ อินทะกูล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเนินปอ เปิดเผยว่า มีเด็กนักเรียนเพศชายอายุ 6 ปี เสียชีวิตเพิ่มเติม 1 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาลพิจิตร คือด.ช.บี (นามสมมติ) อายุ 6 ปี ซึ่ง เป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนต.เนินปอ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมด 7 ศพ ประกอบไปด้วย เด็กนักเรียน 4 ศพ ภารโรง 1 ศพ และผู้ปกครอง 2 ศพ ส่วนมีผู้บาดเจ็บยังรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล อ.สามง่าม อ.วชิรบารมี และโรงพยาบาลเอกชน จำนวน 18 ราย
นอกจากนี้ จัดเจ้าหน้าที่เทศบาลออกสำรวจความเสียหาย พบมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวน 6 หมู่บ้าน เบื้องต้นมีบ้านเรือนพังเสียหายมากกว่า 100 หลังคาเรือน โดยเฉพาะหมู่ที่ 1 ที่มีบ้านเรือนประชาชนพังเสียหายมากที่สุดถึง 93 หลังคาเรือน
อย่างไรก็ตาม เทศบาลตำบลเนินปอพร้อมด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งเต็นท์รับแจ้งความเสียหายจากประชาชน ผู้ประสบภัยดังกล่าว พร้อมกันนี้จะให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการต่อไป
ด้านนายพยนต์ อัศวะพิชยนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า โดมดังกล่าวใช้งานมานานหรือไม่ และตอนสร้างมีแบบแปลนถูกต้องตามระเบียบทางราชการหรือไม่ เบื้องต้นสำหรับโดมดังกล่าว ซึ่งเป็นโดมขนาดใหญ่มีความกว้าง 20 เมตร ยาว 40 เมตร ก่อสร้างและเปิดใช้งานมาแล้วประมาณ 5 ปี โดยใช้งบบริจาคจากผู้ปกครองและผู้มีจิตศรัทธา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ชาวบ้านใกล้เคียงยังคงเข้ามาติดตามข่าว และเฝ้าดูซากอาคารโดมลานอเนกประสงค์ที่พังลงมา ที่ทิ้งสภาพความเสียหาย ทั้งซากอาคาร โครงเหล็ก รวมถึง อุปกรณ์การเล่นกีฬา ของเด็กนักเรียนและเยาวชน ผู้ปกครอง ที่เข้ามาซ้อมบอลก่อนมาหลบในอาคารที่เกิดเหตุพังถล่ม โดยชาวบ้านระบุว่า ถือว่ารุนแรงในรอบ 40 ปี
ชาวบ้านรายหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตทหาร กล่าวว่า ในช่วงเย็นที่ผ่านมา ลมพายุพัดมาเสียงเหมือนคล้ายการเกิดสงครามในช่วงบ้านร่มเกล้า ที่เคยไปรบมา ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง ในรอบ 40 ปี และสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ที่ไม่เคย เกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งการสูญเสียของบ้านเรือนดีกว่าการสูญเสียชีวิต
