ศปก.ศบค. เคาะมาตรการเข้ม ขึ้นเครื่องบิน ย้ำ อย่าการ์ดตก หวั่น กราฟติดเชื้อพุ่ง 2.5-3 หมื่นราย ยก สิงคโปร์ ฉีดครอบคลุมมาก ยังติดเชื้อมากอยู่

วันที่ 8 ต.ค.64 ที่ศบค. ทำเนียบรัฐบาล นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค ตอบข้อซักถามในการแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(ศบค.) ถึงกรณี การเดินทางโดยใช้บริการสายการบินต่างๆต้องผ่านการฉีดวัคซีนครบถ้วน หรือ ตรวจ ATK อย่างไร ว่า ในวันเดียวกันนี้ที่ประชุม ศปก.ศบค. มีมติเห็นชอบเรื่องการปรับมาตรการการรับผู้โดยสารบนอากาศยานตามความสามารถของอากาศยาน โดยมีส่วนสำคัญคือ ผู้ที่จะเดินทางได้จะต้องฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์คือ 2 เข็ม หรือ จะต้องมีผลตรวจ ATK หรือ RT-PCR ตรวจไม่พบเชื้อภายใน 72 ชั่วโมง

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า และที่สำคัญในเรื่องการตรวจความพร้อมเหล่านี้ และการคัดกรองตั้งแต่จะเข้าพื้นที่ต้องเคร่งครัดและเข้มงวด หากมีความไม่พร้อมหรือตรวจพบข้อห้ามต่างๆ เช่น มีไข้ หรือไม่เข้าหลักเกณฑ์ก็จะมีเงื่อนไขในการไม่ให้เข้าใช้ในพื้นที่ ดังนั้นพี่น้องประชาชนจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดหรืออาจจะทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ ดังนั้นที่สำคัญจะต้องดูแลสุขภาพตัวเอง หากเจ็บป่วยต้องหลีกเลี่ยงที่จะไม่เดินทางหรือไม่ไปในสถานที่ที่ไม่ควร เช่น สนามบินเพื่อเดินทาง เริ่มต้นที่ตัวเรา

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ส่วนมาตรการอื่นๆ ที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ในเรื่องของความเข้มงวดในการที่จะไม่ให้เดินไปมาบนเครื่องบิน ปรับระบบการระบายอากาศ จัดที่นั่งให้ถูกต้อง ไม่เสิร์ฟเครื่องดื่มอาหารบนเครื่องบิน การลำเลียงคนไปขึ้นเครื่อง หรือลงจากเครื่องเข้าพื้นที่ ต้องมีระยะห่างไม่หนาแน่นจะต้องดำเนินการไปอย่างเข้มงวด

ผู้สื่อข่าวถามถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันยังอยู่ที่หลักหมื่น ทั้งที่จะมีการผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ ศบค. จะต้องบริหารจัดการอย่างไรให้ความสำคัญต่อเรื่องใด เพื่อไม่ให้กลับมาเกิดการระบาดระลอกใหม่ นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้พูดถึงเรื่องเรามาถึงทางแยกคือผลของการล็อกดาวน์ที่ผ่านมา น่าจะจางลงหรือหมดไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ แนวโน้มจากกราฟดูเริ่มลดลง แต่ถ้าเราไม่มีมาตรการที่ดีพอกราฟ ก็อาจพุ่งกลับสูงขึ้นไปอีกครั้งซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้น หากดำเนินการไม่ดีการติดเชื้อรายใหม่อาจจะไปถึงวันละ 25,000 คน หรือใกล้ 30,000 คนก็ได้

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า แต่มาตรการที่เราใช้อยู่ขณะนี้ขอย้ำว่า เรื่องของการฉีดวัคซีนถ้าเราฉีดกันได้อย่างกว้างขวางทุกพื้นที่ เข้มมาตรการครอบจักรวาล ป้องกันตัวแบบสูงสุดตลอดเวลาให้เสมือนหนึ่งว่า เราอาจจะเจอคนใกล้ชิดหรือไม่ใกล้ชิดก็ตามที่มาในสถานที่เดียวกันอาจจะมีเชื้อ โควิด-19 อยู่ในตัวหรือแม้แต่ตัวเราเองอาจจะมีเชื้ออยู่ในตัวได้ ดังนั้นการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ และมาตรการอื่นๆจะต้องเต็มที่อยู่ตลอดเวลา

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ATK เป็นเครื่องมือที่ถ้าเรามีความเสี่ยง หรือสงสัยว่ามีความเสี่ยงก็สามารถใช้ตรวจได้ เช่น ไปร่วมงานบุญ ไปตลาดเจอผู้คน ก็ควรรีบใช้อย่าได้ทิ้งไว้ เดี๋ยวจะหมดอายุเสียก่อน ซึ่งการใช้ประโยชน์ดังกล่าวจะเป็นตัวชี้บอกให้เราปฏิบัติตัวได้ดี

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า นอกจากนี้จะเป็นเรื่องของมาตรการของสถานที่ที่ให้ทำกิจกรรมต่างๆ สถานบริการ หรือสถานที่สาธารณะ ห้างสรรพสินค้า ห้องน้ำ โรงภาพยนตร์ จะต้องมีมาตรการโควิดฟรีเซ็ตติ้ง ใกล้จะเข้าจะต้องสอบถามเรื่องการฉีดวัคซีนครบถ้วนหรือไม่ ตรวจ ATK ถูกต้องหรือไม่ เพื่อจะยืนยันว่าไม่มีใครจะไปเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นมาตรการที่ย้ำเน้น เพื่อที่จะให้เส้นกราฟลดลงไปเรื่อยๆ จน กระทั่งวันหนึ่งลดลงไปจนน้อยกว่าวันละ 5,000 ราย

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ขอให้กำลังใจกับประชาชนในทุกพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ที่อาจจะยังฉีดวัคซีนครอบคลุมในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยอยู่ จึงขอเชิญชวนให้ออกมาฉีดวัคซีนกันให้มากๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เพื่อทำให้ทุกมาตรการเราเข้มแข็งมากขึ้น เส้นกราฟลดลง จนสามารถเปิดบ้านเปิดเมืองได้

ท้ายนี้ขอย้ำว่าเราทุกคนต้องการ์ดสูงไว้ตลอดเวลา เพราะในประเทศสิงคโปร์ที่มีการฉีดครอบคลุมมากแล้ว ก็ยังกลับมามีการติดเชื้อมากอยู่ เราจะต้องอยู่กับโรค โควิด-19 ให้ได้ โดยมาตรการที่เราใส่ใจและร่วมมือกันทุกคน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน