นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ ปตท. ประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกมีแนวโน้มปรับลดลง เนื่องจากประเทศในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันส่งออก (โอเปก) และนอกโอเปกมีข้อสรุปถึงแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน เทียบกับในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นถึง 20% ซึ่งถือว่าเกินความคาดหมาย ทำให้ ปตท.กำลังพิจารณาทบทวนปรับประมาณการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกปีนี้ที่อาจจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 60-65 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากเดิมคาดการณ์ไว้อยู่ที่ 55-60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันในระดับเหมาะสมมองว่าควรอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

“ราคาน้ำมันเริ่มปรับลดลงตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ปตท. จึงได้ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันลง 50 สตางค์ต่อลิตรไปแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของเนื้อน้ำมันที่ลดลงต่ำกว่าราคาตลาดโลกอีก และยืนยันการปรับราคาน้ำมันขึ้น/ลงทุกครั้งเป็นไปตามทิศทางตลาดโลก ซึ่ง ปตท.มีการติดตามปัจจัยความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศที่จะส่งผลต่อทิศทางราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการเก็งกำไรของกองทุนต่างๆ ที่จะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นได้ โดยราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงทุก 1 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเปลี่ยนแปลง 24 สตางค์ต่อลิตร”

นายเทวินทร์ กล่าวชี้แจงถึงกรณีผู้ไม่หวังดีเผยแพร่ข่าวทางโซเชี่ยลมีเดียสร้างกระแสโจมตีปตท.นั้น ไม่เป็นความจริง และขอยืนยันว่า ปตท.ไม่เคยจำหน่ายน้ำมันในราคาที่สูงกว่าผู้ค้ารายอื่น โดยตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.-28 พ.ค.ที่ผ่านมา ปตท.ได้ปรับราคาน้ำมันขึ้น 6 ครั้ง ปรับลดลง 1 ครั้ง รวมระยะเวลาภายใน 50 วันนี้ปตท.จำหน่ายน้ำมันในระดับเดียวกับผู้ค้ารายอื่น 41 วัน แต่จำหน่ายในราคาถูกกว่าผู้ค้ารายอื่น 9 วัน อีกทั้งในปี 2560 ที่ผ่านมา ปตท.มีการปรับราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น 21 ครั้ง ปรับลดลง 21 ครั้ง ซึ่งราคาน้ำมันของ ปตท.ตลอดทั้งปี หรือ 365 วันจำหน่ายถูกกว่าผู้ค้ารายอื่น 20 วัน

ส่วนประเด็นที่ระบุว่า ปตท.จำหน่ายน้ำมันแพง ส่งผลให้ผลประกอบการมีกำไรถึง 1.3 แสนล้านบาทนั้น ขอชี้แจงว่าธุรกิจน้ำมันเป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนสูงอยู่แล้ว เห็นได้จากปัจจุบัน ปตท.มีสินทรัพย์ 2.3 ล้านล้านบาท มียอดขาย 2 ล้านล้านบาทต่อปี ดังนั้นหากมีกำไร 1.3 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) 6.7% เทียบกับบริษัทชั้นนำยังถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของการทำธุรกิจ

“ข้อมูลที่มีผู้ไม่หวังดีกล่าวหาในโซเชี่ยลจึงไม่เป็นความเป็นจริง อีกทั้งยืนยันว่าปตท. ไม่มีการปรับลดพนักงานลงแต่อย่างใด ขณะนี้จึงมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่มีเจตนาไม่หวังดีส่งข้อมูลอันเป็นเท็จสร้างความเสียหายแก่องค์กรเพื่อดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย และยืนยันสิ่งที่ทำไม่ได้ทำเพราะทำความเจ็บแค้น แต่ทำเพราะต้องการเอาผิดกับผู้ที่แชร์ข้อมูลเป็นเท็จให้ได้รับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง เพราะยอมรับว่าอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายของผู้ค้าน้ำมันปตท. ในส่วนที่เป็นดีลเลอร์ที่มีสัดส่วนถึง 90% ขณะที่มีปั๊มที่ ปตท. เป็นเจ้าของเองเพียง 10% ของจำนวนปั๊มปตท. ที่มีกว่า 1,500 แห่งทั่วประเทศ จึงอยากชี้แจงให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง”นายเทวินทร์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน