เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เข้าร่วมรับฟังและมอบนโยบายให้แก่คณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม (อี6) โดยเสนอให้จัดตั้งกองทุนประชารัฐ เพื่อนำเงินกองทุนไปพัฒนาด้านสังคม โดยเฉพาะเพื่อดูแลคนพิการ และผู้สูงอายุในแต่ละพื้นที่ ให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งเงินกองทุนเหล่านี้ จะมาจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภาคเอกชน และรัฐบาลจะสมทบทุนให้เบื้องต้น

“ครบ 1 ปี ที่รัฐบาลได้ดำเนินโครงการประชารัฐมา ซึ่งโครงการต่างๆ นั้น ดีอยู่แล้ว แต่ต้องการให้ภาคเอกชน ภาคประชาชนเข้ามาร่วมกันมากขึ้น เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของสังคม ทั้งเรื่องการสร้างปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็น สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กลุ่มคนเหลานี้ และสร้างความเข้มแข็ง ความปรองดองในชุมชน โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นแม่งานในโครงการประชารัฐเพื่อสังคม”

สำหรับการจัดตั้งกองทุนประชารัฐนั้น เบื้องต้นยังไม่ได้กำหนดวงเงิน ซึ่งได้เสนอให้คณะทำงานฯ จัดตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการต่างๆ ที่จะเสนอโครงการที่เป็นประโยชน์เข้ามา ได้เร่งประชุมหาข้อสรุปภายใน 1 เดือนหลังจากนี้ แล้วนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณา และสมทบทุนให้ต่อไป โดยโครงการที่จะทำนั้น ต้องกระจายเข้าไปให้ชุมชน เพื่อให้ให้คนพิการและคนสูงอายุช่วยเหลือตัวเองได้

“ผมอยากให้เอกชน จัดตั้งกองทุนขึ้นมา โดยเอกชน ประชาชน ร่วมกันลงขัน กระทรวงการคลังยินดีที่จะสมทบเงินก้อนให้ เพื่อดูแลสังคมในอนาคตที่มาจากทุกภาคส่วน ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังมีงบประมาณอีกก้อน เพื่อขับเคลื่อนการบูรณาการจังหวัด โดยมี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมด้วย เมื่อเสนอโครงการเข้ามา หากมีความเป็นไปได้ จะพิจารณาจัดสรรงบให้ เบื้องต้นคาดไว้ว่าจะมีงบประมาณกลุ่มจังหวัด 5,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละพื้นที่เองว่า มีโครงการที่ทำได้มากน้อยเพียงใด ไม่ใช่ได้เท่ากันหมด ซึ่งจากนี้ไป รัฐบาลจะมีงบประมาณ 3 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นงานประจำ ส่วนที่เป็นโครงการ และส่วนที่เป็นการบูรณาการ เพื่อเน้นพัฒนาประเทศทุกด้านให้เดินไปด้วยกัน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง”

ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน กล่าวว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะจัดตั้งกองทุนดังกล่าว เพื่อดูแลคนพิการ และผู้สูงอายุ เพื่อแสดงเจตนารมณ์จ้างงานคนพิการ เพิ่มขึ้นอีก 16,000 คน จากเป้าหมายการจ้างงานคนพิการปีนี้ให้ได้ 90% หรือ 55,595 คน ภายในปี 2561 จากปัจจุบันที่มีคนพิการ 1.9 ล้านคน ขึ้นทะเบียนกับภาครัฐไว้ 1.6 ล้านคน ส่วนผู้สูงอายุนั้น ปัจจุบันมี 10 ล้านคน โดย 9 ล้านคน ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่อีก 1 ล้านคนที่เหลือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

นายสุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า คณะทำงานฯ เห็นชอบที่จะขับเคลื่อนประเด็นทางสังคมเร่งด่วน โดยตั้งเป้าหมายจะ 5 ด้าน ที่จะผลักดันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม คือ จ้างงานคนพิการในภาครัฐให้ครบ 15,000 อัตรา ภาคเอกชนให้ครบ 10,000 อัตราในปี 2561 จ้างงานผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจุบัน 90% ยังทำงานได้ แต่พบว่าผู้สูงอายุ 34.3% มีรายได้ต่ำกว่าเส้นยากจน หรือคนละ 2,572 บาทต่อเดือน และ 1 ใน 10 ถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพัง คาดว่าอีก 12 ปีข้างหน้า จะมีผู้สูงอายุเพิ่มเป็น 14.4 ล้านคน รัฐต้องยิ่งใช้งบประมาณดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น ดังนั้นต้องเร่งสร้างความเข้าใจผู้เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ คือเน้นการออมเพื่อการเกษียณอายุ พัฒนาที่อยู่อาศัยและระบบนิเวศน์ที่เหมาะสม เพื่อรองรับผู้สูงอายุและคนพิการ สุดท้ายคือ ความปลอดภัยบนถนน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มประกาศคิกออฟ ตั้งแต่ต้นปี 2560 นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน