รายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เป็นประธาน ได้เห็นชอบปรับลดอัตราเงินชดเชยดีเซลจากเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเหลือ 7.77 บาทต่อลิตร จากเดิมที่อุดหนุนอยู่ที่ 11.95 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.เป็นต้นไป

เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกได้มีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องส่งผลให้ค่าการตลาดของดีเซล ณ วันที่ 14 มี.ค. อยู่ที่ระดับ 5.58 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้นจากวันที่ 11 มี.ค. ที่อยู่ในระดับ 3.46 บาทต่อลิตร โดยรัฐยังคงดำเนินมาตรการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ ณ วันที่ 6 มี.ค. 2565 มีสถานะติดลบ 23,986 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ติดลบ 27,445 ล้านบาท บัญชีน้ำมัน 3,495 ล้านบาท

โดยปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบตลาดเวสต์เท็กซัสลดลง 15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อยู่ที่ 108.70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และตลาดเบรนท์ลดลง 16.84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อยู่ที่ 111.14 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

แม้จะยังอยู่ในระดับเกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่เป็นการปรับลดลงสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาดของโควิด-19 หลังยูซูฟ อัล โอไตบา เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) แถลงการสนับสนุนสมาชิกโอเปกให้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันให้สูงขึ้น เพื่อบรรเทาปัญหาอุปทานน้ำมันขาดแคลนจากที่นานาประเทศประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวันที่ 14 มี.ค. 2565 ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น หลังตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว เนื่องจากสหรัฐ และหลายบริษัทหยุดการซื้อขายน้ำมันดิบจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครน แต่ตลาดก็ยังคงจับตาอุปทานน้ำมันดิบ จากเวเนซุเอลา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่อาจเพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยอุปทานน้ำมันดิบรัสเซีย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน