ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 21.55 น. วันที่ 10 เม.ย. บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แจ้งผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 10/2561 เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2561 มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าทำรายการดังต่อไปนี้ ซึ่งบริษัทได้เข้าทำรายการในวันที่ 10 เม.ย. 2561 สรุปรายละเอียดได้ดังนี้

1.อนุมัติการจำหน่ายทรัพย์สิน มูลค่ารวมจำนวนไม่เกิน 14,000 ล้านบาท ให้แก่ บริษัท คิง เพาเวอร์ มหานคร จำกัด ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯ ดังนั้นรายการจึงไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันตาม ประกาศรายการที่เกี่ยวโยงกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

ก) การจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด (“PP1”) และบริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จำกัด (“PP3”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท โดยทรัพย์สินที่ PP1 และ PP3 จะจำหน่าย ได้แก่ ที่ดิน โรงแรม อาคารจุดชมวิว อาคารรีเทลคิวบ์ ปฏิมากรรม ภาพวาด ใบอนุญาตต่างๆ รวมถึงสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการประกอบธุรกิจของ PP1 (โรงแรม) และ PP3 (อาคารจุดชมวิวและอาคารรีเทลคิวบ์) ในโครงการมหานคร คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 12,617 ล้านบาท

ข) การจำหน่ายที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่าง PP1 บริษัท เพซ โปรเจ็ค ทู จำกัด (“PP2”) PP3 และ บริษัท เพซ เรียล เอสเตท จำกัด (PRE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 183 ล้านบาท

การเข้าทำรายการครั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับค่าตอบแทนสำหรับการจัดหา บริหารและดำเนินการให้เกิด รายการ เป็นมูลค่า 1,200 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ยังได้อนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นที่อพอลโล เอเชีย สปริ้นท์ คอมปานี ลิมิเต็ด (อพอลโล) และโกลด์แมน แซคส์ อินเวสเมนท์ส โฮลดิ้งส์ (เอเชีย) ลิมิเต็ด (โกลด์แมน) ถืออยู่ใน PP1 และ PP3 ร้อยละ 49 และ ร้อยละ 48.72 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทดังกล่าวตามลำดับ ทั้งหมดรวมเป็นเงินจานวนไม่เกิน 320 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือไม่เกิน 10,000 ล้านบาท (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 9 เม.ย.2561 ที่ 31.25 บาท ต่อ 1 เหรียญสหรัฐ)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับดีลดังกล่าว มีกระแสข่าวมาพักใหญ่แล้วว่าบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ โดยเฉพาะโครงการมหานคร อาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย บนถ.นราธิวาสราชนครินทร์ สีลม กรุงเทพฯ มูลค่าโครงการกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท ที่กำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดยมีเจ้าหนี้รายใหญ่อย่างธนาคารไทยพาณิชย์

จึงเจรจาตัดขายสินทรัพย์บางส่วนในโครงการมหานคร ประกอบด้วยโรงแรมเดอะ บางกอก เอดิชั่น ซึ่งเป็นโรงแรมสไตล์ลักชัวรี่บูติค โดยความร่วมมือระหว่าง แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล กับเอียน เชรเกอร์ นักโรงแรมชื่อดัง ซึ่งตามแผนจะเปิดให้บริการภายในปีนี้ รวมถึงอ็อบเซอร์เวชั่น เด็ค จุดชมวิวบนดาดฟ้าชั้นสูงสุดของอาคารมหานคร ให้กับคิง เพาเวอร์

อย่างไรก็ดีการเจรจาระหว่างเพซฯ กับกลุ่มคิง เพาเวอร์ เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ภายหลังจากเพซฯ ได้ประกาศเพิ่มทุน โดยกลุ่มคิง เพาเวอร์ มีความประสงค์จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนจากเพซฯ แต่เนื่องการซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะมีผลทำให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ของเพซฯ ถูกลดสัดส่วนการถือหุ้นลง (ไดรูท) ทำให้การเจรจาขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวในช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมาไม่เป็นผลสำเร็จ ก่อนที่จะมาจบลงด้วยการเจรจาขายโรงแรมและจุดชมวิว บนอาคารมหานคร ดังกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่าดีลนี้ ผู้ที่ได้ประโยชน์คือกลุ่มคิง เพาเวอร์ เพราะสามารถขยายคิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟี ร้านจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี ภายในโครงการมหานคร ที่มีพร้อมทั้งโรงแรมและจุดท่องเที่ยวใหม่ของกรุงเทพฯ ได้ด้วย ในขณะที่เพซฯ ต้องตัดขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินไปชำระหนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ เพซฯ ขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 400 ล้านหุ้น เป็นเงิน 400 ล้านบาท ไปแล้ว โดยในช่วงเดือนพ.ย. 2560 เพซฯ ยังลงนามในบันทึกความเข้าใจกับบริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน) เพื่อการเจรจาซื้อขายและการตรวจสอบสถานะทรัพย์สินของ โครงการนิมิต หลังสวน ทั้งโครงการ และห้องชุดที่พักอาศัยในโครงการเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ส่วนที่เหลือทั้งหมด จํานวน 53 ห้องชุด ในโครงการอาคารชุดมหานคร

กระทั่งเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2561 ทางเพซฯ แจ้งขยายระยะเวลาในการตรวจสอบทรัพย์สินที่จะซื้อขายดังกล่าวกับทางแสนสิริฯ ก่อนที่จะมีการทำหนังสือยกเลิกการเสนอราคาเพื่อซื้อทรัพย์สินจากแสนสิริ ในวันที่ 9 ก.พ.2561 โดยเพซฯ แจ้งว่าคณะกรรมการบริษัทเห็นว่า แสนสิริ ใช้เวลาในการทำ Due Diligence มาเป็นระยะเวลานานถึง 91 วัน ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม และเพียงพอในการตรวจสอบทรัพย์สินแล้ว ดังนั้นที่ประชุม คณะกรรมการบริษัทจึงมีความเห็นไม่ขยายระยะเวลาในการทำ Due Diligence เพิ่มเติมตามที่ แสนสิริ ได้ร้องขอ จึงยึติดีลดังกล่าวไป และเริ่มเปิดเจรจากับกลุ่มคิง เพาเวอร์ จนปิดดีลได้ในที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในส่วนของเจ้าหนี้รายใหญ่อย่างธนาคารไทยพาณิชย์ นายอารักษ์ สุธีวงศ์ เลขานุการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) ได้แจ้งผ่านเว็บไซต์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ได้แสดงความประสงค์มายังธนาคาร เพื่อขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการธนาคาร มีผลตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2561 เป็นต้นไป โดยก่อนหน้านี้ธนาคารไทยพาณิชย์ มีมติแต่งตั้งนายอรพงศ์ เทียนเงิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส บริษัทในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ มาเป็นกรรมการคนใหม่ ไปก่อนแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน