นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,693 ล้านบาท เติบโต 55.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,088 ล้านบาท มีรายได้รวม 1,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32%

โดยการเติบโตของกำไรเป็นผลจากการดำเนินงานปกติ รวมถึงการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัท Star Energy Group Holdings Pte Ltd. (SEGHPL) ในไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมา การทยอยเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นรวม 65 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการ ชิบะ 1 กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ โครงการโคมากาเนะ กำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ และโครงการยาบูกิ กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ซึ่งทยอยเปิดในเดือนพ.ย. 2564 เดือนมี.ค. 2565 และเดือนเม.ย. 2565

นอกจากนี้ ยังรับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศไทยที่ดีขึ้นจากการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของแผงโซลาร์ การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนหลังคา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU Project) และการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) รวมถึงผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ “Nam San 3A” และ “Nam San 3B” ใน สปป. ลาว เพิ่มขึ้นจากการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และจากการแข็งค่าของเงินสกุลเหรียญสหรัฐ

ปัจจุบัน BCPG มีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 1,109 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เรียบร้อยแล้ว 391 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างพัฒนา 718 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ทั้งหมดภายในปี 2568

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน