แอน มิตรชัย ซัดกลับ ดราม่า มโนโกอินเตอร์! เซ็นสัญญาให้เห็นจะจะ
แอน มิตรชัย ซัดกลับ – เอาหลักฐานมาให้เห็นชัดๆ กันคาตา สำหรับนักร้องสาวชื่อดัง แอน มิตรชัย เจ้าของฉายา “Queen of Likay”(ควีน ออฟ ลิเก) หลังเจอประเด็นดราม่า “นางเอกบอลลีวู้ด มโน…โกอินเตอร์!”
โดยเจ้าตัวเปิดห้องรัชดา แกรนด์ บอลรูม โรงแรมเอสซี ปาร์ค (SC Park) แถลงข่าวและเซ็นสัญญากับ “Red Wind Production” โปรดักชั่นยักษ์ใหญ่ เมื่อวันที่ 16 ก.ค. จากนั้นก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงที่มาที่ไปของการร่วมงานกับบ้านหลังใหม่ พร้อมแจงปมดราม่าดังกล่าว
แอน มิตรชัย
ถามถึงการเซ็นสัญญากับบ้านหลังใหม่อย่าง “Red Wind Production” เป็นอย่างไรบ้าง?
“ตื่นเต้นมาก ก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกับทางยูเอ็มจี(ยูนิเวอร์แซล มิวสิค ประเทศอินเดีย) บ้านหลังเก่าที่หมดสัญญาไปด้วยดี ส่วนบ้านหลังใหม่ก็เป็นเพื่อนเป็นพันธมิตรที่ดีที่รู้จักกันตั้งแต่เข้าบอลลีวู้ดแล้ว รวมถึงมีการทาบทามกันมาหลายปี แต่พอดีตอนนั้นยังติดสัญญาอยู่กับทางยูเอ็มจี วันนี้เลยเป็นคนต่างถิ่นเหมาะเจาะได้เซ็นสัญญาทำงานร่วมกัน ส่วนตัวดีใจ อย่างที่บอกว่าทุกครั้งเวลาไปคุยงานกับผู้ใหญ่ที่ต่างประเทศก็พยายามที่จะเอาวัฒนธรรมไทยของเราไปด้วยเสมอ เรากำลังมองการโกอินเตอร์ในอีกมิติหนึ่ง จริงๆ อาจจะไม่ได้ใช้คำว่าโกอินเตอร์ แต่จะใช้คำว่าอินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งมันเป็นการขยับขยายวัฒนธรรมให้ไปสู่สากลมากขึ้น”
ทำไมถึงเลือกเซ็นสัญญากับบริษัทนี้?
“เห็นศักยภาพการทำงานของพวกเขามายาวนาน ปัจจุบันเราไม่ได้มองว่าค่ายเล็กใครใหญ่ใหม่หรือเก่าอะไร เนื่องจากศิลปินก็มีการขยับขยายตัวเองมากขึ้น ถ้าข้อตกลงหรือเงื่อนไขบางอย่างมันน่าสนใจก็สามารถทำงานร่วมกันได้ เช่นเดียวกับที่เลือกเซ็นของที่นี่ เพราะรู้สึกว่าข้อตกลงที่เสนอไป ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญกับตัวเรามากๆ การทำงานเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น”
เซ็นสัญญาบ้านหลังใหม่
หลายคนอยากรู้เรื่องค่าตัวว่าสูงขนาดไหน?
“จริงๆ ไม่อยากพูดถึงเรื่องจำนวนหน่วยเลย เดี๋ยวจะไปโฟกัสผิดจุด แล้วอาจจะมีคนที่เอาไปเปรียบเทียบเหมือนที่เคยเกิดขึ้นคราวก่อน เรื่องของการเซ็นสัญญาไม่มีใครมารู้มาเห็นดีลที่เราตกลงกัน อย่างคราวก่อนบางคนอาจจะยังไม่รู้เลยเอาเราไปเปรียบเทียบกับศิลปินคนอื่นของบอลลีวู้ด ซึ่งเราบอกแล้วว่าไม่ได้เซ็นในส่วนของหนังอย่างเดียว แต่มีร้องและถ่ายเอ็มวีอีก 3 เพลง มีการเดินสายโปรโมต ดังนั้นค่าตอบแทนผู้ใหญ่ก็ต้องพิจารณาแล้วว่ามันสมน้ำสมเนื้อกับงานที่เราทำ
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
แต่กับบริษัทใหม่นี้ ก็ถือว่ามีข้อตกลงกันที่ดี ตอนนี้ศิลปินระดับโลกเกือบทุกคนต้องการลิขสิทธิ์เป็นของตัวเอง อยากร้องเพลงของตัวเอง ไม่ใช่ว่าพอหมดสัญญาแล้วศิลปินร้องเพลงไม่ได้ ดังนั้นเงื่อนไขข้อตกลงแรกที่เราขอไปก็คือ เมื่อครบจำนวนปีที่เซ็นสัญญาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างขอให้กลับมาเป็นของเรา เราต้องการร้องเพลงตัวเองไปได้จนแก่เฒ่า จริงๆ กับทางค่ายเก่าคือยูเอ็มจีเราก็ขอในเรื่องนี้ไป ดังนั้นคนจะเห็นว่าเราสามารถลงงานของตัวเองได้เมื่อสัญญาหมดลง ส่วนเรื่องค่าตอบแทนก็แล้วแต่ผู้ใหญ่จะดูแลให้ เชื่อว่ามันก็ต้องสมเหตุสมผลกับสิ่งที่เราต้องทุ่มเททำงานลงไป เบื้องต้นเซ็นสัญญาไว้ 3 ปีก่อน ในกรณีที่จะต่อสัญญาเป็นพันธมิตรกันในวันข้างหน้า ก็ค่อยมาว่ากัน”
ผลงานแรกที่จะได้เห็นกับบ้านหลังใหม่คืออะไร?
“อัลบั้ม Priyavatar ค่ะ น่าจะได้เห็นช่วงเดือนต.ค.นี้ เรียกว่าเป็นเพลงบอลลีวู้ดแบบเต็มรูปแบบ สิ่งที่ตื่นเต้นมากที่สุดก็คือได้ร่วมงานกับนักแต่งเพลงคนนี้ เขาทำงานอยู่ในระดับแนวหน้าของวงการเพลงจริงๆ เดี๋ยวก็จะมีการถ่ายทำเอ็มวีและมีการโปรโมตไปทั่วโลก ส่วนการเปิดตัวอัลบั้มอาจจะเป็นที่มุมไบ แต่การเปิดตัวคอนเสิร์ตอาจจะจัดขึ้นที่ชิคาโก”
เดิร์นๆ
ความแตกต่างกันของการทำเพลงกับค่ายยูเอ็มจีและ “Red Wind Production” คืออะไร?
“ตอนที่ทำกับยูเอ็มจี ทำเพลงฮินดี้อิงลิช แต่คราวนี้จะเป็นฮินดี้เป็นหลัก ไทย และอิงลิชนิดหน่อย ดังนั้นจะมีเพลงไทยเข้าไปด้วย เอาจริงๆ การทำงานที่เป็นเพลงสากลยังตีตลาดบอลลีวู้ดไม่ได้ บอลลีวู้ดยังไงก็ยังต้องเสพฮินดี้ ดังนั้นฮินดี้คือเมนหลัก”
คาดหวังยังไงกับการโกอินเตอร์ครั้งนี้?
“เราทำงานด้วยความรักและความสุขมากกว่า รวมถึงมองว่าทุกคนที่มาทำงานกับเรา เราไม่ได้ดำเนินชีวิตด้วยกระแสหรือเม็ดเงินเป็นหลัก แต่ทุกคนกำลังทำงานด้วยหัวใจ ดังนั้นเราเชื่อว่าสิ่งที่จะได้กลับมาคือหัวใจของคนที่มีความสุขและภาคภูมิใจ สิ่งที่คาดหวังก็คืออยากให้โชว์ของเราไปเติบโตและมีที่ยืนอยู่ในตลาดสากลค่ะ”
ถามถึงกระแสข่าวที่ว่าเรามโนไปเองว่าได้โกอินเตอร์?
“(หัวเราะ) วันนี้ก็มีโอกาสได้มาเซ็นสัญญาให้ทุกคนได้เห็นกันคาตาเลย ส่วนตัวไม่ได้ซีเรียสว่าใครอยากจะพูดถึงเราในแง่มุมยังไง เพราะเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ทุกวันนี้เรามีงานที่เป็นชิ้นเป็นอันออกมาให้ได้เห็น บางคนอาจจะรู้สึกว่าเราหายหน้าหายตาไปหรือเปล่า คือบางครั้งมันก็ยังอยู่ในช่วงของการเตรียมงาน ส่วนเรื่องกระแสข่าวอะไรต่างๆ เรากลับดีใจที่ยังมีหลายคนคิดถึง จะด้านไหนก็ไม่เป็นไร เพราะว่าในวันนี้เราก็ทำให้ทุกคนร่วมเดินทางไปกับเรา อย่างน้อยก็มีส่วนทำให้ประเทศไทยเป็นแหล่งเงินแหล่งทอง”
ตะลุย USA
เสียใจไหมกับคำว่ามโนโกอินเตอร์?
“ไม่เสียใจค่ะ บางทีเราอาจจะต้องย้อนกลับไปถามว่าเขาต้องการอะไรจากสิ่งที่คิด ที่ผ่านมาเราก็มีผลงานออกมาให้เห็น ทุกอย่างมีตัวตนเป็นของจริง เรามโนปั้นแต่งไม่ได้ คนที่คิดแบบนั้นอาจจะเป็นคนที่ไม่ได้ปลื้มเราหรือเปล่า พวกคอมเมนต์อะไรต่างๆ เราไม่ค่อยได้อ่านหรือสนใจ แต่เลือกมองในสิ่งที่เชิดชูเราดีกว่า แล้วก็อยากให้ผลงานของตัวเราเป็นเครื่องพิสูจน์กับทุกคนเอง ส่วนใครที่ว่าเรา ก็ต้องขอบคุณมากที่ช่วยสร้างกระแสให้(หัวเราะ)”
คิดจะดำเนินคดีกับคนที่กุเรื่องมโนไหม?
“ไม่หรอกค่ะ ดีแล้วๆ บางทีเราไม่ค่อยได้อยู่เมืองไทย คนเหล่านี้ก็จะได้ช่วยสร้างกระแสให้เราด้วย ขอบคุณที่ยังพูดถึง บางทีก็ปล่อยข่าวในช่วงเวลาที่ใช่ตลอด ที่เรากำลังจะมีผลงานใหม่พอดี(หัวเราะ) แต่เชื่อว่ายังไงแฟนๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าความจริงเป็นยังไง วันนี้เราจะได้ทำงานสิ่งหนึ่งที่มันกำลังจะนำพาให้อุตสาหกรรมของบ้านเราไปสู่ระดับสากล ดังนั้นก็ขอให้คนไทยทุกคนร่วมกันเป็นกำลังใจและเดินไปพร้อมกับเราด้วยค่ะ”
ขอบคุณภาพ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Annmitchai
