ครูบุญสิงห์บอกเจ้านางตองริ้วด้วยความเป็นห่วง

“มีชายแปลกหน้ามาตระเวนถามชาวบ้านเรื่องคุณแพรนวล ผมจึงรีบมาเตือนให้คุณแพรนวลระวังตัว”

เจ้านางตองริ้วตกใจ “ใช่คนของอูซอรึเปล่าคะ?”

“ผมก็ไม่แน่ใจ ชาวบ้านบอกว่าแต่งตัวเหมือนชาวไทเขิน”

“มันอาจจะปลอมตัวเป็นคนเวียงขินเข้ามาสืบเรื่องคุณแพรนวลก็ได้นะคะ”

ครูบุญสิงห์พยักหน้าเห็นด้วยกับจันสม

“นี่จะมีคนไม่ปลอดภัยเพราะฉันอีกแล้วเหรอคะ”

เจ้านางตองริ้วไม่สบายใจ คิดทำอะไรสักอย่างเพื่อป้องกันอันตรายไม่ให้เกิดกับคนอื่นอีก

แพรนวลยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง รอการกลับมาของพวกหลาวเปิงด้วยความเป็นห่วง แล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแอบสอดจดหมายไว้ในอกเสื้อ

แพรนวลเดินขึ้นไปนั่งบนเตียง ล้วงหยิบจดหมายสีซีดหมองในอกเสื้อของเธอออกมาเปิดอ่านด้วยความตื่นเต้นและอยากรู้ความจริง ข้อความในกระดาษจดหมายเขียนตัวอักษรภาษาไทยด้วยดินสอดำ

“ดิฉันชื่อกิ่งแก้ว เคยเป็นภรรยาของนายต่วน วงศ์สุคำ ดิฉันเคยฝันถึงเมืองเวียงขิน พระธุดงค์แถวบ้านที่เชียงรายบอกดิฉันว่า..หากฝันไปแล้ว อย่าอยู่เกินเจ็ดวันเจ็ดคืนในความฝัน เพราะจะไม่ได้ตื่นอีกเลย ดิฉันไม่ฟังคำเตือนของนายต่วนที่ห้ามทุกคนขึ้นไปนอนบนเตียงไม้สลักของจายหลาวเปิง ซึ่งฝากให้นายต่วนขนมาจากเมืองเวียงขินเมื่อสิ้นสงครามโลก”

กิ่งแก้วรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในสวนลั่นทมอย่างงุนงง แล้วตกใจเมื่อเจอจายปุ่งในชุดทหารเวียงขินเดินเข้ามาคุยกับเธอด้วยความสงสัย

“ดิฉันพบทหารรักษาพระองค์ชื่อจายปุ่งในสวนลั่นทมหลังหอคำ เขารับดิฉันเป็นภรรยา โดยไม่รู้ว่าดิฉันตั้งท้องลูกสาวของนายต่วน ชื่อปอสา จายปุ่งเล่าว่า เขาเป็นคนฝังไม้สักทองที่เหลือจากสลักสร้างบัลลังก์เจ้าฟ้าเวียงขิน และแกะสลักหัวเตียงให้เจ้าเมืองบุญไว้ที่สวนลั่นทม ไม้สักทองต้นนี้มีอาถรรพ์ เพราะคนงานนั่งเรือไปตัดไม้สักต้นนี้ที่ท่าสบเต่ง ถูกน้ำวนตาไก่ดูดเรือจนจมน้ำตายหลายสิบคน ดิฉันหาทางกลับเชียงรายไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่าดิฉันมาจากอนาคต อาถรรพ์ลิขิตให้ดิฉันพบกับจายปุ่งด้วยเตียงนั้น จะสืบทอดไปถึงผู้ที่ผูกพันเป็นเจ้าของเตียงเช่นกัน”

แพรนวลหยุดอ่านจดหมายด้วยใจสั่นระทึก พยายามข่มใจมิให้ตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่กิ่งแก้วบันทึกไว้ในจดหมาย

“ปอสาคือพี่สาวคนละแม่กับฉัน”

แพรนวลพยายามระงับความสับสนและหวาดกลัวที่เริ่มจู่โจมความรู้สึกอย่างรุนแรง เธอกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเหนือธรรมชาติ ใครจะเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับเธอคือเรื่องจริง

แพรนวลพับกระดาษจดหมายคืนใส่ซอง หันมองหาที่เก็บซ่อนในห้อง ก่อนจะตัดสินใจสอดจดหมายไว้ใต้ที่นอนทางด้านหัวเตียง

เขตต์เขย่าตัวแพรนวลเพื่อเรียกให้เธอตื่นด้วยความร้อนใจ แหลมทองเฝ้าลุ้นให้แพรนวลตื่นได้ทันเวลา แพรนวลค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างสะลืมสะลือ เขตต์ดึงตัวแพรนวลเข้ามากอดด้วยความโล่งใจ

“ผมเป็นห่วงแพรมากรู้มั้ย”

แพรนวลอึ้ง รวบรวมแรงผลักเขตต์ออกไปจากตัว

“เขตต์เข้ามาได้ยังไง”

แพรนวลปรายตาถามแหลมทองเป็นนัย แหลมทองหน้าซีดเพราะกลัวโดนดุ

“คุณเขตต์เคาะประตูเรียกตั้งนานแต่คุณแพรไม่ตื่น ก็เลยให้ผมปีนบันไดเข้ามาทางหน้าต่างครับ”

“ออกไปได้แล้วค่ะ”

“เมื่อกี้ตัวแพรเย็นเฉียบ ไม่สบายรึเปล่า”

“แพรสบายดี” แพรนวลลุกขึ้นเพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร เขตต์มองแพรในชุดไทเขินตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกแปลกใจ

“ใส่ชุดแบบนี้นอนไม่อึดอัดเหรอ”

แพรนวลเงียบไม่ตอบ เขตต์หันไปมองเตียง ใช้มือลูบไล้ลายสลักไม้ที่หัวเตียงอย่างชื่นชอบ

“เตียงเก่าหลังนี้สวยมาก ของคุณพ่อแพรใช่มั้ย”

“เมื่อไหร่คุณจะออกไปจากห้องแพรสักที”

แพรนวลถามราวกับยื่นคำขาด น้ำเสียงเย็นชาแฝงไว้ซึ่งอารมณ์ไม่พอใจ เขตต์รู้ว่าแพรนวลเริ่มหงุดหงิด ก็พยายามพูดเอาใจ

“แพรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปกินอาหารเช้ากันนะครับ ผมจะลงไปรอข้างล่าง”

เขตต์ยิ้มให้แพรนวลอย่างอ่อนโยน แล้วดึงตัวแหลมทองออกไปจากห้องด้วยกัน น้ำเสียงนุ่มนวลและรอยยิ้มอ่อนโยนของเขตต์ทำให้แพรนวลใจหาย แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้วสำหรับการรู้สึกผิดของเขา

ภาคคุยโทรศัพท์กับเขตต์ขณะกำลังเดินออกจากโรงพยาบาล

“แกทำดีแล้ว..และต้องทำสม่ำเสมอ ห้ามขัดใจแพรเด็ดขาด..เอาน่า เดี๋ยวก็ใจอ่อน”

ภาควางสาย หันไปเห็นธีรภพกับศิรินุชเพื่อนสนิทของเขาเดินยิ้มเข้ามาหา

“ไม่คิดว่าจะได้เจอเพื่อนเก่าอย่างธีรภพที่โรงพยาบาล”

“ธีรภพ นึกว่าถ่ายสารคดีอยู่ที่เวียงขินซะอีก จะพาหมอศิรินุชโดดงานไปไหน”

“นุชลาพักร้อนค่ะ แค่แวะมาเอาเอกสารที่ลืมไว้”

“กองถ่ายสารคดีมีปัญหานิดหน่อยก็เลยพักกองชั่วคราว ฉันกับนุชจะขึ้นไปเที่ยวเชียงราย หาที่ดินสวยๆ ปลูกบ้านที่โน่น”

“เจ้าเขตต์ก็เพิ่งย้ายตามแพรนวลไปทำงานโรงแรมสาขาที่เชียงราย”

ศิรินุชสีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ “แพรย้ายไปอยู่เชียงรายตั้งแต่เมื่อไหร่คะ นุชโทรหาก็ปิดมือถือตลอด”

ภาคถอนใจเครียด ตัดสินใจเล่าปัญหาของเขตต์กับแพรนวลอย่างปิดบัง ศิรินุชมองภาคอย่างสังหรณ์ใจไม่ดี

แพรนวลนั่งร่วมโต๊ะกินอาหารเช้ากับเขตต์ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว พับแขนมาถึงข้อศอก สวมทับด้วยกางเกงยีนส์รัดรูปที่ทำให้ดูปราดเปรียวผอมบาง ใบหน้าเธอเกลี้ยงเกลาด้วยผิวเนียนละเอียดไร้เครื่องสำอาง

เขตต์นั่งตรงข้ามมองแพรนวลอย่างปลื้มใจในความสวยของภรรยา ขณะที่ป้าคำแดงกับแหลมทองนำอาหารเช้ามาจัดวางเสร็จเรียบร้อยแล้วเลี่ยงออกไป

“ผมตื่นมาทำเบรกฟาสต์ให้แพรเอง ลองชิมดูสิว่าอร่อยเหมือนเดิมมั้ย”

“ไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอกค่ะ”

แพรนวลพูดพลางชำเลืองไปเห็นดอกลั่นทมลอยน้ำในชามแก้วที่วางกลางโต๊ะ

“ดอกลั่นทมที่นี่สวยมาก ผมเก็บมาลอยน้ำให้แพร”

แพรนวลใช้ส้อมเขี่ยหมูแฮมในจาน อยากจะเอ่ยขอบคุณ แต่ก็กล้ำกลืนคำพูดไว้ในอก เขตต์เป็นปลื้มที่เห็นแพรนวลกินอาหารเช้าฝีมือเขา จึงกินไปชวนแพรนวลคุยไป

“ป้าคำแดงบอกว่าทำอาหารฝรั่งได้หลายอย่างเพราะแม่อุ้ยคำเอ้ยสอน”

“แม่อุ้ยคำเอ้ยเคยเป็นแม่บ้านของเพื่อนคุณพ่อที่เวียงขิน ก็เลยรู้วิธีทำอาหารฝรั่งจากคนเวียงขิน”

“ไม่น่าเชื่อว่าคนป่าคนดอยจะทำเป็น”

“คนเวียงขินอยู่กับอังกฤษมาเป็นร้อยปีแล้วนะคะ ไม่แปลกที่จะรับวัฒนธรรมบนโต๊ะอาหารมาด้วย”

เขตต์มองแพรนวลด้วยสายตาประหลาดใจ

“แพรพูดถึงเวียงขินเหมือนเคยเห็นมาแล้ว”

“แม่อุ้ยคำเอ้ยเล่าให้ฟัง” แพรนวลก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าเพื่อกลบเกลื่อนพิรุธของเธอ เพราะกลัวเขตต์จับได้

แพรนวลเล่าถึงจดหมายที่กิ่งแก้วเขียนไว้ให้แหลมทองฟัง ระหว่างที่เธอมาแต่งตัวที่ห้องเพื่อจะไปตลาดกับเขตต์

“สมุดบันทึกเล่มนี้ไม่ใช่ของคุณพ่อต่วน แต่เป็นของคุณกิ่งแก้ว”

“คนที่ตายเพราะเตียงนี้น่ะเหรอครับ”

แหลมทองรีบวางสมุดบันทึกไว้บนเตียง แล้วขยับถอยออกไปนั่งห่างๆ เตียงอย่างหวาดกลัว

“คุณกิ่งแก้วตายเพราะมีใครปลุกให้ตื่น ไม่ใช่เพราะเตียงนี้”

“คุณแพรจะไม่เป็นอะไรถ้าผมคอยปลุกใช่มั้ยครับ”

แพรนวลสองจิตสองใจก่อนบอกแหลมทอง

“ในบันทึกและจดหมายของคุณกิ่งแก้วบอกเหมือนกันว่า อย่าอยู่เวียงขินเกินเจ็ดวันเจ็ดคืนเพราะจะไม่ได้ตื่นอีก”

“งั้นคุณแพรก็อย่าไปเวียงขินอีกเลยนะครับ”

“ยังมีเวลาเหลือและมีเรื่องที่ฉันต้องหาคำตอบที่นั่น”

แหลมทองไม่สบายใจ กลัวแพรนวลจะมีชะตากรรมเหมือนกิ่งแก้ว

เขตต์เห็นแพรนวลเดินลงบันไดมาพร้อมแหลมทอง รีบปรี่เข้าไปหาด้วยความดีใจ

“แอบทำอะไรกันอยู่ในห้อง ผมกำลังจะไปตามพอดี”

“แพรต้องรายงานเขตต์ด้วยเหรอคะ”

“ถ้ามีอะไรให้ช่วย ผมก็อยากช่วย”

แหลมทองเห็นท่าทางมึนตึงของแพรนวลที่มีต่อเขตต์ จึงเลี่ยงออกไปเงียบๆ อย่างรู้มารยาท

“คุณควรกลับไปได้แล้ว”

“ทำไมแพรเย็นชากับผมขนาดนี้”

“ถามตัวคุณเองสิคะว่าทำร้ายหัวใจแพรมากี่ครั้ง แพรถึงได้เป็นแบบนี้”

เขตต์ชะงัก รู้ตัวว่าผิดจริง ก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าแพรนวล ทำให้แพรนวลถึงกับใจหายวูบและงุนงง

“ผมเคยคุกเข่าขอแพรแต่งงาน วันนี้…ผมคุกเข่าขอให้แพรให้อภัย ผมผิด ผมเลว ให้โอกาสผมแก้ตัวใหม่นะแพร”

สายตาและน้ำเสียงที่อ้อนวอนของเขตต์เต็มไปด้วยความเศร้าและรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก แพรนวลอึ้ง พูดไม่ออก แม้จะยังไม่ให้อภัยแต่ท่าทีของเธอก็เริ่มอ่อนลง เลื่อนมือตัวเองออกจากมือเขตต์ที่เกาะกุมเธออยู่

“แพรยังไม่อยากคุยเรื่องนี้ เขตต์กลับไปทำงานเถอะ”

“ผมโทรสั่งงานสุนัยแล้ว แพรไปส่งผมซื้อของใช้ ที่ตลาดในเมืองหน่อยได้มั้ย”

“ไม่รับผิดชอบงานแล้วจะรับผิดชอบคำพูดตัวเองได้ยังไง”

“ผมทำงานตลอดเวลา ถ้ามีเรื่องด่วนสุนัยจะโทรตาม”

แพรนวลถอนใจแรง หงุดหงิดตัวเองที่ไล่เขตต์ไปไม่ได้สักที

เขตต์หยิบเงินแบงก์ร้อยออกมาจากกระเป๋าสตางค์ยื่นให้แหลมทอง

“ฉันให้ร้อยนึง ถ้าไม่ตามฉันกับคุณแพรออกไปข้างนอก”

“ผมขัดคำสั่งคุณแพรไม่ได้ แต่รับรองว่าจะไม่เกะกะครับ”

“ร้ายเหมือนกันนะเรา” เขตต์พูดผ่านไรฟัน ในใจก็นึกเอ็นดูความเฉลียวฉลาดของแหลมทองอยู่ไม่น้อย “แหลมรู้มั้ยว่าทำไมคุณแพรชอบใส่ชุดพื้นเมืองแปลกๆ”

แหลมทองสายตาล่อกแล่ก คิดหาข้อแก้ตัว

ก่อนออกจากบ้าน แพรนวลแวะไปคุยกับยายคำเอ้ยที่เรือนหลังเล็ก ถามยายคำเอ้ยว่า ได้ไปร่วมงานแต่งงานของเจ้านางตองริ้วหรือเปล่า

“นายบุญสิงห์พาลูกสาวจากเมืองไทยไปร่วมงานแต่งด้วย แต่ฉันอยู่เฝ้าบ้านเพราะไม่สบาย”

“เกิดเรื่องในพิธีแต่งงานใช่มั้ย”

“ชาวบ้านพูดกันว่ามีคนบุกชิงตัวเจ้านางตองริ้ว ผู้ชายที่อยู่ใกล้เจ้านางถูกยิง”

“ผู้ชายที่อยู่ใกล้เจ้านางตองริ้ว ซานแปงหรือหลาวเปิงคะ”

แพรนวลกำนาฬิกาที่แขวนสร้อยคออยู่ด้วยใจคอไม่ค่อยดี ยายคำเอ้ยมีสีหน้าตื่น ตกใจเมื่อเห็นคนแปลกหน้า แพรนวลหันไปเห็นเขตต์เดินมากับแหลมทอง จำต้องหยุดการสนทนา

แพรนวลต่อว่าเขตต์อย่างไม่พอใจ

“แม่อุ้ยคำเอ้ยไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้า ห้ามคุณไปที่เรือนหลังเล็กอีก”

“แพรเพิ่งมาเชียงรายไม่กี่วัน แต่เหมือนแม่อุ้ยจะไว้ใจแพรมาก”

แพรนวลจ้องเขตต์อย่างหงุดหงิด “รีบไปตลาดดีกว่า เดี๋ยวจะสาย”

แพรนวลเริ่มกังวล กลัวเขตต์จะรู้เรื่องที่เธอคุยกับยายคำเอ้ย

แพรนวลเดินผ่านมาถึงหน้าร้านป้าเพ็ญสุขจึงเดินเข้าไปทักทาย เขตต์ตามเข้าไป เขาเห็นปิ่นปักผมทับทิมรูปหางนกยูงที่ทำด้วยแผ่นเงินเก่าวางอยู่ในตู้ ป้าเพ็ญสุขจึงบอกให้รู้ว่าเป็นปักผมโบราณฝีมือช่างจากปะเด็ง แต่ได้มาจากเวียงขิน

“พลอยนี้คือทับทิมปะเด็ง เป็นของหายากมากนะคะ”

“แพรชอบมั้ยครับ”

สายตาแพรนวลเย็นชา บ่งบอกให้รู้ว่าเธอไม่ได้ตื่นเต้นอยากได้ของขวัญมีค่าจากเขา

“คุณเป็นแฟนกันเหรอคะ”

“เราเป็นสามีภรรยากันครับ”

“สวยหล่อสมกันเหมือนกิ่งทองใบหยกจริงๆ”

แพรนวลเดินหนีออกจากร้านด้วยสีหน้ามึนตึง ไม่พอใจ เขตต์ยิ้มเจื่อน รีบคืนปิ่นปักผมทับทิมให้ป้าเพ็ญสุขแล้วตามแพรนวลไป โดยลืมทิ้งข้าวของไว้ตรงนั้น แหลมทองเข้าไปหยิบของที่เขตต์วางทิ้งไว้อย่างรู้หน้าที่ มั่นใจว่าทั้งสองต้องทะเลาะกันแน่

เขตต์รีบกลับมาที่โรงแรมเพราะสุนัยโทร.ตามบอกมีงานด่วน เมื่อมาถึงก็พบว่านาตยามารออยู่ สุนัยไม่กล้าบอกทางโทรศัพท์ เพราะกลัวเขตต์กับแพรนวลจะมีปัญหากัน

เขตต์ไม่พอใจนาตยา แต่พยายามข่มอารมณ์ เพื่อพูดกับนาตยาให้รู้เรื่อง

“ตามผมมาทำไม”

“นาตลางานมาพักผ่อนค่ะ ช่วงนี้อากาศที่เชียงรายกำลังเย็นสบาย”

นาตยาเห็นแววตาขึงขึงเอาเรื่องของเขตต์ จึงขยับเข้าไปคลอเคลียออดอ้อน

“คิดถึงคุณเขตต์จนหักห้ามใจไม่ไหวนี่คะ”

“คุณก็รู้ว่าผมมาที่นี่เพื่อปรับความเข้าใจกับภรรยา”

“นาตเอาใจช่วยคุณเขตต์ทุกวัน เพราะอยากให้คุณเขตต์กับคุณแพรนวลกลับมารักกัน”

“ผมรักแพรเหมือนเดิมอยู่แล้ว”

นาตยาเจ็บลึก เปลี่ยนเรื่องด้วยการเลื่อนมือไปแตะแก้มเขตต์อย่างพิจารณา

“คุณเขตต์ดูซูบไป ทำงานหนักหรือพักผ่อนไม่พอคะ”

เขตต์รีบดึงมือนาตยาลงเพราะกลัวคนเห็น “อย่าทำแบบนี้”

“ขอโทษค่ะ นาตเป็นห่วงคุณมากจนลืมตัว”

นาตยาเสียงสั่นเครือด้วยความน้อยใจ น้ำตาคลอ เขตต์ลำบากใจ สงสารนาตยาแต่ก็แอบเครียดเพราะกลัวแพรนวลรู้เรื่องนาตยาจนไม่ยอมให้อภัยเขา

ด้านแพรนวลบอกเวลาตื่นให้แหลมทองมาปลุกและเข้านอน ไม่นานนักเธอก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงของหลาวเปิง แล้วต้องตกใจมาก เมื่อพบว่าเธอนอนอยู่ในอ้อมกอดของหลาวเปิง ที่ตื่นขึ้นมาเมื่อเธอขยับตัว

“แม่หญิงหายไปไหน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

แพรนวลระล่ำระลักถามกลับ “คุณเข้ามาได้ยังไง”

“จันสมบอกว่าแม่หญิงไม่สบาย ผมใช้กุญแจเปิดประตูเข้ามาแต่ก็ไม่พบแม่หญิง จนเผลอหลับไปบนเตียงนี้”

หลาวเปิงก้มหน้าชิดกับใบหน้าของแพรนวลอย่างร้อนรุ่มใจ

“ผมกลัวแม่หญิงจะไม่กลับมา กลัวจะไม่ได้พบแม่หญิงอีก”

“ถ้าคุณรู้ความจริง..อาถรรพ์ของเตียงนี้อาจทำให้ฉันหายไปตลอดกาล”

“งั้นก็ไม่ต้องบอก ขอแค่แม่หญิงอยู่กับผมก็พอ”

แพรนวลอึ้ง ใจเต้นระรัวจนทำตัวไม่ถูก หลาวเปิงรู้สึกได้ถึงท่าทางขัดเขินและเกร็งๆ ของแพรนวล จึงค่อยๆ ปล่อยเธอจากอ้อมกอดเพื่อให้เธอคลายความตื่นเต้นลง

“ตีสองกว่าแล้ว แม่หญิงพักผ่อนเถอะครับ”

“ฉันนอนไม่หลับ”

หลาวเปิงพาแพรนวลออกมาเดินเล่นในสวนลั่นทม แพรนวลมองดอกลั่นทมสีขาวในสวน แล้วนึกถึงข้อความในจดหมายของกิ่งแก้ว ก่อนเอ่ยถามหลาวเปิง

“ตรงนี้เป็นที่ฝังไม้สักทองที่เหลือจากสลักสร้างบัลลังก์เจ้าฟ้าเวียงขินและแกะสลักหัวเตียงให้เจ้าเมืองบุญใช่มั้ยคะ”

หลาวเปิงแปลกใจ “แม่หญิงรู้ได้ยังไง”

แพรนวลมั่นใจว่าอาถรรพ์จากไม้สลักหัวเตียงทำให้เธอย้อนกาลเวลามาเวียงขินได้จริง แต่ไม่กล้าเล่าให้หลาวเปิงฟัง

“ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง”

หลาวเปิงเห็นสีหน้าที่สับสนและลำบากใจของแพรนวล จึงไม่อยากคาดคั้น

“ผมอยากพาแม่หญิงไปสถานที่ที่ทำให้ผมสบายใจ”

“ที่ไหนคะ”

“แม่หญิงต้องหลับตาจนกว่าผมจะอนุญาตให้ดูได้”

แพรนวลสองจิตสองใจสักพักจึงยอมหลับตาแต่โดยดี หลาวเปิงเดินอ้อมไปข้างหลังแพรนวล แล้วใช้มือทั้งสองโอบปิดตาแพรนวลจากด้านหลังอย่างใกล้ชิด เขารู้สึกได้ว่าร่างของแพรนวลเกร็งเล็กน้อย จึงกระซิบข้างหูของเธอด้วยเสียงนุ่มนวล

“ไว้ใจผมนะครับ”

แพรนวลพยักหน้านิดๆ ปล่อยให้หลาวเปิงปิดตาพาเธอเดินไปด้วยกัน

หลาวเปิงใช้มือทั้งสองโอบปิดตาแพรนวลจากด้านหลังพาเธอขึ้นมาที่ลานกว้างบนหน้าผา แพรนวลตื่นตาตื่นใจ เมื่อมองไปบนฟ้าเห็นหมู่ดาวส่องแสงระยิบระยับนับร้อยนับพันดวง

“ดาวสวยมากใช่ไหมครับ”

แพรนวลตกใจหันมา ทำให้แก้มของแพรนวลโดนจมูกของหลาวเปิงหอมเข้าอย่างจัง

“อุ๊ย” แพรนวลอึ้งสบตาหลาวเปิง ด้วยความเขินอายเสมองดวงดาวบนท้องฟ้า

“ทำไมคุณชอบมาที่นี่”

“ทุกครั้งที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ ทำให้ผมมองเห็นตัวเอง”

หลาวเปิงเห็นแพรนวลนิ่วหน้าไม่เข้าใจ แต่ไม่กล้าหันมาสบตาเขา

“ชื่อของผม หลาวเปิง แปลว่าดวงดาวอันสว่างไสว ไม่ว่าแม่หญิงอยู่ที่ไหน ขอให้มองดวงดาวบนฟ้าทุกครั้งที่คิดถึงผมนะครับ”

หลาวเปิงจับมือแพรนวลมากุมไว้ แพรนวลสบตาหลาวเปิงอีกครั้ง ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกับกระแสแห่งอารมณ์เสน่หากำลังถาโถมจนทำให้หัวใจของเธอปั่นป่วนเป็นอย่างมาก

พนักงานโรงแรมขนกระเป๋าเดินทางของนาตยาเข้ามาวางในห้องพักสุดหรู นาตยามองวิวสวยผ่านกระจกหน้าต่างของโรงแรมไปด้วยความชื่นชอบ

“ผมเลือกห้องวิวสวยที่สุดให้ หวังว่านาตจะชอบ”

เขตต์พูดพร้อมจะก้าวออกจากห้อง แต่นาตยารีบเข้ามารั้งเขาไว้

“ห้องหรูวิวสวยแต่ขาดคนรู้ใจ..นาตคงพักผ่อนอย่างไม่มีความสุข”

“ผมต้องทำงาน”

“อยู่เป็นเพื่อนนาตก่อนนะคะ” นาตยาโอบคอเขตต์ พลางยิ้มยั่วยวน

“เหนียวตัว..อยากอาบน้ำ”

“อย่าดื้อสินาต”

นาตยาใช้นิ้วของเธอไต่ไปยังกระดุมเสื้อแต่ละเม็ดของเขตต์แล้วปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบนสุดของเขาออกอย่างง่ายดาย เขตต์รีบจับมือห้ามนาตยาราวกับพยายามยับยั้งชั่งใจ นาตยายิ้มก่อนรุกไล้มือของเธอไปบนหน้าอกของเขาช้าๆ ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ปรารถนาของผู้ชายให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

“อาบน้ำด้วยกันนะคะ”

เขตต์พยายามหยุดยั้งความต้องการทางอารมณ์ แต่นาตยาขยับเรือนร่างของเธอเข้ามาแนบชิดเขตต์

“คุณกำลังเครียด…นาตจะทำให้ผ่อนคลาย”

นาตยาประทับริมฝีปากของเธอบนริมฝีปากของเขตต์ กายสัมผัสกายทำให้เขตต์เริ่มเคลิบเคลิ้มไปกับเสน่ห์ชวนหลงใหลของนาตยาจนยากจะต้านทานความตั้งใจที่จะไม่นอกใจของเขา สองมือของเขตต์เลื่อนขึ้นมากอดรัดตัวนาตยาไว้ ไม่อาจหยุดไฟราคะได้อีกต่อไป

ย้อนอ่าน

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 6

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 5

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 4

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 3

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 2

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 1

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน