หน่วยงานกำกับมาตรฐานการโฆษณาของอังกฤษ หรือ ASA ได้ตรวจสอบการใช้ฟิลเตอร์ในวิดีโอโฆษณาสองชิ้นที่จัดทำโดยอินฟลูเอนเซอร์สองราย ซึ่งเป็นโฆษณาผลิตภัณฑ์ทำสีผิวแทนสองยี่ห้อ ก่อนจะสั่งแบนโฆษณาดังกล่าว เนื่องจากมีการใช้ฟิลเตอร์ในการโฆษณาผลิตภัณฑ์ ที่อาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์สามารถทำให้บรรลุเป้าหมายได้

โดยตัดสินว่าโฆษณาในทั้งสองกรณีมีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด และจากการตัดสินดังกล่าวมีผลครอบคลุมไปถึงแบรนด์สินค้า อินฟลูเอนเซอร์ และเซเลบในสหราชอาณาจักรทุกราย โดยมีการสั่งห้ามแบรนด์สินค้า อินฟลูเอนเซอร์ และเซเลบใช้ฟิลเตอร์ในรูปเพื่อการโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

เพราะหากเป็นรูปที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ความงาม การใช้ฟิลเตอร์นั้นจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้สินค้าเกินความเป็นจริง ถึงแม้ว่าฟังก์ชันของอินสตาแกรมจะมีการระบุว่าใช้ฟิลเตอร์อยู่แล้ว แต่ ASA เห็นว่าคอนเทนต์เหล่านี้ยังสามารถชี้นำผู้บริโภคอย่างผิด ๆ ได้

ภาพที่ไม่มีฟิลเตอร์จะเห็นเคียงข้างกันพร้อมกับเวอร์ชันดัดแปลงที่มีการเพิ่มฟิลเตอร์ 'แมวตา'

และกฎระเบียบดังกล่าวยังมาจากผลการวิจัยที่ระบุว่าผู้ใช้ทวิตเตอร์ เกือบ 40% กล่าวว่าพวกเขาซื้อสินค้าหลังจากอ่านทวีตจากผู้มีอิทธิพล สำหรับโทษของการฝ่าฝืนกฎ คือโฆษณาชิ้นนั้นๆ จะถูกลบจากอินเทอร์เน็ตและห้ามมิให้มีการโพสต์ใหม่ โดย ASA คาดว่าจะทำให้นักการตลาดของแบรนด์นั้นและอินฟลูเอนเซอร์ที่ถูกสั่งลบภาพหรือวิดีโอเสียชื่อเสียง

กฎดังกล่าวเป็นผลมาจากการทำแคมเปญ #filterdrop เพื่อเรียกร้องให้มีการบังคับให้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ จะต้องระบุเมื่อพวกเขาใส่ฟิลเจอร์เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือเครื่องสำอาง ซาซ่า พัลลารี ผู้เริ่มแคมเปญกล่าวว่า “ฉันรู้สึกว่าผลกระทบที่เป็นอันตรายที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งในที่สุดก็ได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง และนี่จะเป็นก้าวอันยิ่งใหญ่ในทิศทางที่ถูกต้อง สำหรับวิธีการใช้ฟิลเตอร์กับโฆษณาเครื่องสำอางออนไลน์”

จากการออกกฎของ ASA เป็นความสำเร็จของเธอ แต่พัลลารียังมีเป้าหมายใหญ่กว่านั้นคือการต่อสู้เพื่อให้อินสตาแกรมลบฟิลเตอร์ประเภทที่ “เปลี่ยนรูปหน้า” ออกไปจากระบบถาวร ทั้งนี้เธอยังกล่าวว่าในทุก ๆ วัน เธอจะได้รับข้อความ จากผู้หญิงที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้ตนเองสวยตามมาตรฐานความงามที่พวกเธอเห็นบนโลกออนไลน์

ทั้งนี้ตลาดอินฟลูเอนเซอร์มีขนาดใหญ่มาก แบรนด์ส่วนใหญ่โดยเฉพาะสตาร์ทอัพชอบโฆษณาผ่านอินฟลูเอนเซอร์ทางออนไลน์มากกว่าการเปิดตัวทีวีคอมเมอร์เชียลหรือวางจำหน่ายในร้านค้าทั่วไป จากการสำรวจพบว่า 91 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่นมิลเลนเนียลกล่าวว่าพวกเขาไว้วางใจรีวิวออนไลน์มากพอ ๆ กับเพื่อนและครอบครัว ซึ่งผู้บริโภคกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ จะดำเนินการบางอย่างหลังจากอ่านบทวิจารณ์เชิงบวกทางออนไลน์

ที่มา : bbc / wionews

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน