คอลัมน์ รู้ไปโม้ด

น้าชาติ ประชาชื่น [email protected]

ที่ว่าขณะตั้งครรภ์ฟังเพลงเด็กฉลาดขึ้น จริงเหรอ เฉลยหน่อยนะคะ

gif

ตอบ gif

เกี่ยวกับการฟังดนตรีขณะตั้งครรภ์ของว่าที่คุณแม่ ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย เผยแพร่บทความเรื่องนี้ไว้ว่า ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นพัฒนาการของทารกในครรภ์ ทั้งนี้ ทารกในครรภ์สามารถรับรู้และตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวได้ โดยขึ้นอยู่กับอายุครรภ์และสภาพแวดล้อมที่ดี การที่แม่พยายามสร้างและรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อลูกในครรภ์ จึงเป็นการส่งเสริมความรักความผูกพันระหว่างแม่ลูก แม่ที่อารมณ์ดีจะทำให้ทารกอารมณ์ดีเช่นกัน ขณะที่สภาพแวดล้อมที่พอเหมาะจะพัฒนาเซลล์สมองทารกให้มีขนาดใหญ่ มีเส้นใยประสาทมากขึ้น เป็นการเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์ในด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา

โดยที่ประมาณอายุครรภ์ 24-26 สัปดาห์ขึ้นไป ระบบการได้ยินของทารกจะมีการพัฒนาเต็มที่ โดยรับรู้และตอบสนองต่อเสียงที่อยู่รอบตัวได้ ดังนั้น จึงมีการนำเอาเสียงภายนอกมาช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์ วิธีการนี้จะทำให้ทารกเคยชินต่อเสียงและเป็นการพัฒนาภาษาพร้อมกันไปด้วย

เสียงภายนอกดังกล่าวก็มี 1.การใช้เสียงดนตรี ตามปกติแล้วจะมีเสียงต่างๆ ผ่านเข้ามาถึงตัวทารกที่อยู่ในท้องแม่ตลอดเวลา เสียงที่เป็นสภาพแวดล้อมที่ดีให้ทารกควรเป็นเสียงดนตรีที่มีทำนองและจังหวะเบาๆ เช่น เพลงบรรเลง อาจเป็นเพลงคลาสสิคหรือเพลงไทยเดิมก็ได้ โดยเฉพาะในช่วงอายุครรภ์ที่มากกว่า 24 สัปดาห์ เพราะประสาทสัมผัสและระบบการได้ยินของทารกจะพัฒนาค่อนข้างสมบูรณ์ในช่วงนั้น (ทารกที่คลอดออกมามีพัฒนาการด้านร่างกายและไอคิวสูง เลี้ยงง่าย อารมณ์แจ่มใสและมีความผูกพันกับแม่)

โดยทารกมักแจ่มใสและเคลื่อนไหวในเวลาเย็น เป็นเวลาที่ทารกตื่นตัวพร้อมที่จะรับฟังเสียงได้ สังเกตได้จากการดิ้นของทารกซึ่งแสดงว่าทารกยังไม่หลับ เป็นช่วงที่เหมาะสม เปิดเทปเพลงบรรเลงเย็นๆ ให้แม่และทารกในครรภ์ฟังไปพร้อมกัน วันละครั้ง ครั้งละ 10-15 นาที ถ้าเปิดซ้ำบ่อยๆ ทารกจะคุ้นชินและจดจำเพลงได้ หลัง คลอดเมื่อเปิดเพลงเดิมนั้นอีกจะช่วยให้ทารกไม่ร้องกวนและหลับง่ายขึ้น เนื่องจากความเคยชินต่อเสียงเพลงนี้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์

2.เสียงพูดคุยของมารดา เสียงของแม่ถือได้ว่าเป็นเสียงธรรมชาติและเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีที่จะช่วยเสริมสร้างคุณภาพของทารกในครรภ์ เสียงที่นุ่มนวล เสียงร้องเพลง จะช่วยให้ทารกจดจำเสียงนั้นได้ดีขึ้น โดยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์พับเป็นรูปกรวย ปลายส่วนที่แคบเป็นทางเข้าของเสียงแม่ ส่วนปลายกว้างจ่อบริเวณหน้าท้องเพื่อให้ทารกรับฟัง หรือใช้เครื่องมือพูดคุยกับทารกในครรภ์ที่เรียกว่า Infant Phone ซึ่งมีปลายหนึ่งไว้ให้มารดาพูด ส่วนอีกปลายหนึ่งไว้ครอบที่หน้าท้องบริเวณใกล้ศีรษะของทารกในครรภ์ แม่อาจเล่านิทานหรือร้องเพลงกล่อมบ่อยๆ เพื่อให้ทารกชินตั้งแต่ในครรภ์ เมื่อคลอดแล้วก็สามารถนำนิทานหรือเพลงกล่อมนั้นมาช่วยทำให้ทารกสงบและหลับง่ายขึ้น

ยังมีวิธีเสริมสร้างพัฒนาการของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ด้านระบบรับความรู้สึก จากที่ทารกจะมีการเคลื่อนไหวและได้รับการสัมผัสตลอดเวลาที่อยู่ในครรภ์ โดยเฉพาะขณะที่แม่ขยับตัวหรือลูบและสัมผัสทารกในครรภ์โดยผ่านทางหน้าท้อง ผิวของทารกจะสัมผัสกับผนังด้านในของมดลูก ทุกสัมผัสที่เกิดขึ้นจะพัฒนาเส้นใยประสาทของสมองส่วนรับความรู้สึก เพิ่มประสิทธิภาพและความไวในการรับรู้ของทารก เพื่อเตรียมพร้อมให้ใช้งานได้ดีในช่วงหลังคลอด การที่แม่นั่งบนเก้าอี้โยกไปมา นอกจากกระตุ้นเซลล์สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว ยังทำให้ทารกในครรภ์ได้ปรับตัวเข้าหาสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ โดยให้แม่ลูบหน้าท้องและนั่งโยกบนเก้าอี้ได้ตั้งแต่ทราบว่าตั้งครรภ์ เพื่อรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกผูกพันกับทารกขณะลูบหน้าท้องตัวเอง จนเมื่ออายุครรภ์ 5 เดือนขึ้นไป ระบบประสาทการเคลื่อนไหวของทารกจะมีความพร้อมต่อการรับรู้การสัมผัสของแม่

จากระบบการได้ยิน ระบบรับความรู้สึก มาถึงระบบการมองเห็น ทารกจะพัฒนาเต็มที่และรับรู้ผ่านการมองเห็นได้เมื่ออายุครรภ์ 28 สัปดาห์ขึ้นไป ทางการแพทย์จะใช้แสงสว่างส่องผ่านเข้าไปถึงทารกในครรภ์โดยผ่านทางปากมดลูก เพื่อดูการตอบสนองการเต้นของหัวใจ และทดสอบความแข็งแรงสมบูรณ์ ถ้าการเต้นของหัวใจทารกเร็วขึ้นตอนส่องไฟ แสดงว่าทารกสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าดีและมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ แต่หากให้แสงแล้ว การเต้นของหัวใจไม่สูงขึ้น แสดงว่าทารกในครรภ์อาจมีปัญหา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน