“เสถียร จันทิมาธร”

การสนทนาระหว่างซุนกวนกับโลซก ภายในห้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่เรียกว่า “นโยบายบนยี่ภู่” หรือ “ยุทธศาสตร์บนตั่ง” เพราะเท่ากับเป็นการตอกย้ำยืนยัน

สามก๊กสำนวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) บรรยายว่า

โลซกจึงว่า “อันคนทั้งปวงเห็นพร้อมกันจะให้ท่านไปคำนับโจโฉ เพราะเห็นแต่จะมีความสุขนั้นเหมือนจะให้มีความทุกข์ไปอีก ข้าพเจ้าผู้เดียวไม่เห็นด้วยขอท่านอย่าได้ไปคำนับโจโฉเลย”

ซุนกวนจึงว่า “ซึ่งมิเต็มใจให้เราออกไปก็ชอบอยู่ แต่ความคิดท่านเห็นประการใด”

โลซกจึงว่า “ข้าพเจ้าเห็นว่าโจโฉหรือจะเลี้ยงท่านเป็นใหญ่ ถึงจะทำนุบำรุงก็แต่เป็นประมาณ แม้จะมีบ่าวตามหลังอย่างมากก็เพียง 4 คน ถึงจะมีม้าขี่ก็แต่ตัวเดียวจะเหมือนท่านเป็นโสดแก่ตัวอยู่ในเมืองกังตั๋งหรือ

“อันคนทั้งปวงว่านั้นประโยชน์จะรักษาตัวให้เป็นสุขหาเจ็บร้อนด้วยท่านไม่ ซึ่งท่านจะคิดอ่านทำการกับโจโฉนั้น อย่าได้เชื่อฟังถ้อยคำเหล่านี้สืบไปจงเร่งตระเตรียมการป้องกันรักษาตัวเถิด”

ซุนกวนทอดใจใหญ่แล้วว่า “ตัวข้าพเจ้านี้อาภัพ เสียแรงปลูกเลี้ยงคนทั้งปวงไว้หวังจะได้เป็นเพื่อนเจ็บร้อนก็เสียเปล่า แต่โลซกผู้เดียวกตัญญูสัตย์ซื่อรักเราจริงๆ แต่บัดนี้โจโฉก็ได้ทหารอ้วนเสี้ยวไว้เป็นเชลยมากกว่ามาก มีใจกำเริบนัก ซึ่งเราจะคิดทำการต่อสู้ด้วยโจโฉนั้นจะผ่อนผันประการใดดี”

มีความจำเป็นต้องอ่านสำนวนแปลใหม่ วรรณไว พัธโนทัย

โลซกพูดว่า “คำแนะนำของพวกที่ปรึกษาเมื่อกี้นี้คงจะทำให้ท่านขุนพลวุ่นวายใจยิ่งนัก ซึ่งพวกเขาอยากจะอ่อนน้อมยอมสวามิภักดิ์ต่อโจโฉนั้นพวกเขาอยากจะทำก็ทำได้ แต่ท่านขุนพลจะทำเช่นนั้นไม่ได้”

ซุนกวนถามว่า “ไฉนท่านจึงพูดเช่นนั้น”

โลซกตอบว่า “ถ้าคนธรรมดาสามัญยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉก็คงจะได้กลับไปอยู่บ้านสบายๆ หรือได้กินตำแหน่งหน้าที่ตามเดิม

“ส่วนท่านนั้นเมื่อยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉแล้วท่านคิดจะไปอยู่ที่แห่งใดจึงจะมีความสุข

อย่างดีก็จะได้บรรดาศักดิ์ไม่เกินพระยา รถประจำตำแหน่งก็จะมีแต่เพียงคันเดียว ม้าขี่ก็จะมีตัวเดียว บ่าวไพร่ตามหลังก็มีเพียงไม่กี่คน ท่านจะนั่งหันหน้าไปทางทิศเหมือนท่านเป็นใหญ่แก่ตัวท่านเองได้หรือ

“อันว่าคนทั้งปวงนั้นล้วนแต่คิดเห็นแต่ประโยชน์สุขส่วนตัวเป็นที่ตั้ง ขอท่านอย่าได้ฟังเลย จงเตรียมการสู้ศึกใหญ่โดยเร็วเถิด”

ซุนกวนถอนใจใหญ่แล้วว่า “เราฟังถ้อยคำของบรรดาที่ปรึกษาทั้งปวงแล้วรู้สึกผิดคาดยิ่งนัก ก็มีแต่คำของท่านเท่านั้นที่ถูกใจเรา ฟ้าประทานโลซกให้แก่เราโดยแท้ แต่ทว่าขณะนี้โจโฉได้ทหารอ้วนเสี้ยวไว้เป็นกำลังมากและเมื่อเร็วๆ นี้ยังได้ทหารเกงจิ๋วมาเพิ่มเข้าอีก

“จึงเกรงว่ากำลังของเราจะต้านทานกำลังอันมหึมาของข้าศึกไม่ได้”

บทสรุปของโลซกหากว่าซุนกวนยอมจำนน สวามิภักดิ์ต่อโจโฉสำคัญอย่างยิ่ง หากอ่านสามก๊กทั้ง 3 สำนวนประกอบเข้าด้วยกันก็จะเห็นภาพได้แจ่มชัด โดยเฉพาะคำของโลซกที่ว่า

“อย่างดีก็จะได้บรรดาศักดิ์ไม่เกินพระยา รถประจำตำแหน่งก็จะมีแต่เพียงคันเดียว ม้าขี่ก็จะมีตัวเดียว บ่าวไพร่ตามหลังก็มีเพียงไม่กี่คน ท่านจะนั่งหันหน้าไปทางทิศใด”

ประโยคหลังนี้สำคัญ

สามก๊กสำนวน วรรณไว พัธโนทัย ทำเชิงอรรถอธิบายว่า “ธรรมเนียมจีน กษัตริย์ย่อมประทับผินหน้าไปทางทิศใต้” นี่เท่ากับตีไปกลางขนดหางของซุนกวน

สามก๊กสำนวน พญ.กัลยา สุพันธุ์วณิช ทำวงเล็บอธิบายขยายความโดยเอาบทเรียนจากแคว้นเกงจิ๋วว่า “(หลิวฉง ยอมจำนนถึงตาย ส่วนหวางซ่าน ไขว่เหลียงและคนอื่นๆ กลับได้ตำแหน่งดีมีเพียงหลิวฉงที่ถูกฆ่า ถ้ายอมจำนนเฉาเชาซุนเฉวียนก็จะมีชะตากรรมแบบเดียวกับหลิวฉง)”

หลู่ซู่จึงว่า “คนอื่นยอมจำนนได้ แต่ท่านไม่ได้”

หนังสือ 101 คำถามสามก๊กตอนที่ 53 ทำไมโลซกนั่งรถวัวเข้าท้องพระโรง อ้างถึงพงศาวดารสามก๊กจี่ ภาคง่อก๊ก ตอนประวัติโลซกบันทึกไว้ว่า

ก่อนเกิดศึกเซ็กเพ็กเหล่าขุนนางฝ่ายพลเรือนมีเตียวเจียว เป็นต้น เสนอให้ซุนกวนยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉ แต่โลซกกลับค้านเต็มที่โดยพูดกับซุนกวนว่า

ตอนนี้ข้าพเจ้าโลซกอ่อนน้อมต่อโจโฉได้ แต่ท่านขุนพลไม่ได้เด็ดขาด ไยข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้

ตอนนี้หากข้าพเจ้าอ่อนน้อมต่อโจโฉ โจโฉก็จะส่งกลับภูมิลำเนาตั้งให้เป็นขุนนางท้องถิ่น ข้าพเจ้าก็จะได้ทำราชการกับโจโฉ นั่งรถวัวมีเจ้าหน้าที่ติดตาม เที่ยวคบหาสมาคมกับเหล่าขุนนางและปัญญาชน และต้องได้ตำแหน่งถึงระดับเจ้าเมืองหรือข้าหลวงมณฑล

“แต่ท่านขุนพลยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉจะไปอยู่ที่ไหน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน