หมู่บ้านชาวนาเก่าแก่อายุประมาณ 300 ปีก่อน ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ แฝงรากเหง้าทางวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เรียบง่าย จนองค์การยูเนสโกยกขึ้นเป็นมรดกโลกอันดับที่ 6 ของประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1995 นั่นคือ ‘หมู่บ้านชิราคาวาโกะ’
หมู่บ้านแห่งนี้ถูกโอบล้อมท่ามกลางหุบเขาอันสวยงาม ทางเข้าหมู่บ้านมีแม่น้ำโชคาวะไหลผ่าน ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกิฟุ ทางตอนกลางของเกาะฮอนซู ประเทศญี่ปุ่น
สถาปัตยกรรมอันคงความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น ด้วยการก่อสร้างที่เรียกว่า กัสโชสึคุริ (Gassho-zukuri) ใช้ฟางข้าวทำเป็นหลังคาทรงสูงรับมุม 60 องศา ลาดลงมาทั้งสองด้าน จนรูปทรงของหลังคาบ้านเหมือนการพนมมือ หรือ คำว่า กัสโช นั่นเอง

หมู่บ้านชิราคาวาโกะกลางหุบเขา
เป็นภูมิปัญญาการสร้างบ้านที่ไม่ใช้ตะปู แต่ใช้วิธีการเข้าไม้ เข้าลิ่ม เข้าเดือย นำเชือกและฟางมามัดรวมกันหลายชั้น
หลังคาบ้านใช้หญ้าคาผสมดินเหนียว อาจมีความหนาถึง 1 เมตร ทำให้บ้านมีความอบอุ่นตลอดเวลา และเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนหรือหิมะไหลซึมได้ ส่วนความลาดชันช่วยให้น้ำฝนหรือหิมะไหลลงพื้น ไม่เกาะอยู่บนหลังคาจนเยอะเกินไป

การก่อสร้างแบบกัสโชสึคุริ

อีกมุมหนึ่งของหมู่บ้าน
ส่วนด้านบนหน้าบ้านเจาะเป็นช่องหน้าต่าง เพื่อรับแสงสว่างและช่วยระบายอากาศ
ไม่เพียงเท่านั้น การก่อสร้างยังคำนึงถึงทิศทางลม หันไปทางทิศเหนือกับทิศใต้ เพื่อลดแรงต้านลมให้ได้มากที่สุด ทำให้ช่วงฤดูร้อนมีอากาศเย็นสบาย ขณะที่ฤดูหนาวจะมีอากาศที่อุ่นขึ้น ซึ่งเป็นการก่อสร้างกัสโชสึคุริ ที่เหมือนกันทุกหลัง และมีความทนทานยาวนานกว่า 20 ปี

มุงหลังคาใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
หากมีการเปลี่ยนหลังคา จะนิยมมุงหลังคาใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยเป็นประเพณีที่เรียกว่า ‘ยูอิ’ ชาวบ้านจะเข้ามามีส่วนร่วมช่วยเหลือกันตามบทบาทของแต่ละคน ผู้อาวุโสจะดูแลในภาพรวม นอกนั้นจะช่วยกันมัดหญ้า ส่งให้ช่างมุงหลังคา ขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ของบุคคลนั้นๆ

ร้านขายอาหาร

ชมภูมิปัญญาการสร้างบ้านแบบใกล้ชิด
ส่วนเจ้าของบ้านและคนในครอบครัวจะคอยทำอาหารให้เพื่อนบ้านที่มาช่วยเหลือ และร่วมกันกับชาวบ้านในการเตรียมงานฉลองท้องถิ่นเมื่อทำหลังคาใหม่เสร็จสมบูรณ์ ที่เรียกว่า ‘นาโอไร’
สมัยก่อนชาวบ้านจะนิยมทำนา เมื่อเสร็จจากทำนาจะปลูกต้นหม่อน เลี้ยงไหม และทอผ้าไหมเป็นอาชีพเสริม แม้จะผ่านมาเกือบสามร้อยปี แต่วิถีดั้งเดิมนี้ยังคงอยู่

อีกจุดชมวิวยอดฮิต

หุบเขาโอบล้อมหมู่บ้าน
บ้านเรือนเก่าแก่แห่งนี้ยังมีสภาพดีและแข็งแรง ชาวบ้านยังสามารถอยู่อาศัยกันได้ตามปกติ และหวงแหนบ้านของตัวเองเพื่อรักษาความเป็นเอกลักษณ์นี้ไว้
บางหลังเปิดเป็นโฮมสเตย์ ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีของชาวบ้านญี่ปุ่นกันแบบใกล้ชิด บางหลังเปิดขายของที่ระลึก โดยนำผลผลิตทางการเกษตร เช่น ข้าว ผลไม้ เนื้อฮิดะที่แสนอร่อย ซึ่งเป็นวัวที่เลี้ยงในไร่บนที่ราบสูง เหล้าสาเก บางหลังเปิดเป็นร้านอาหาร

บ้านโบราณสามหลังที่เรียงติดกัน

สะพานไม้ข้ามแม่น้ำโชคาวะ
นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้มาสัมผัสกับความเป็นมรดกโลกในหมู่บ้านชิราคาวาโกะแล้ว ยังได้ช็อปปิ้งและเลือกกินอาหารกันได้อย่างหนำใจเลยทีเดียว
หากใครอยากเห็นมุมกว้างของทั้งหมู่บ้าน ต้องขึ้นไปดูจุดชมวิว ‘เท็นชุคาคุ’ ซึ่งอยู่บนเนินเขาใกล้หมู่บ้าน สามารถขับรถขึ้นไปเอง หรือมีบริการรถรับส่ง หรือจะเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ จากหมู่บ้านก็ได้ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่เป็นไฮไลต์สำคัญ หากใครมาต้องไม่พลาดมาเก็บความประทับใจในจุดนี้ให้ได้

มุมถ่ายรูปยอดฮิต
ส่วนความงดงามของหมู่บ้านแห่งนี้ สามารถมาเที่ยวได้ในทุกช่วง 4 ฤดูกาล เพราะแต่ละฤดูจะมีความสวยงามที่แตกต่างกันไป เรียกว่าสวยประทับใจแบบไม่ซ้ำกัน
ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อากาศกำลังเย็นสบาย อุณหภูมิประมาณ 13-25 องศาเซลเซียส ต้นไม้ใบหญ้ากำลังจะกลับมาเขียวชอุ่มอีกครั้ง
ช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม เป็นช่วงที่ชาวบ้านกำลังเริ่มการเพาะปลูก เขียวขจีโดยรอบ อุณหภูมิประมาณ 27-33 องศา แต่อากาศไม่ร้อนจัด เหมาะกับการเที่ยวกลางแจ้ง

ทางเดินไปจุดชมวิวเท็นชุคาคุ

ศูนย์กลางท่องเที่ยวในหมู่บ้าน
ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน อากาศเริ่มเย็นขึ้น อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 10-18 องศา ใบไม้ค่อยๆ เปลี่ยนสี จากสีเขียวกลายเป็นสีส้ม น้ำตาล แดงเหลือง สลับกันไป
ช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ อากาศหนาว อุณหภูมิระหว่าง 10-0 องศา และยังเป็นช่วงไฮไลต์สำคัญ เพราะจะมีเทศกาลแสดงแสงสีในยามค่ำคืน ถือเป็นช่วงเวลาที่หลายคนรอคอย ที่จะสัมผัสอากาศหนาวเย็น หิมะตกโปรยปราย ถูกหิมะขาวโพลนปกคลุมไปทั่วหมู่บ้าน

หิมะขาวโพลนปกคลุมทั่วหมู่บ้าน

ถนนทางเข้าหมู่บ้าน
ส่วนการเดินทางไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ จากนาโกย่า นั่งรถไฟเข้าเมืองทาคายาม่า แล้วต่อรถบัส Takayama Nohi Bus Center อีกประมาณ 50 นาที หรือสามารถนั่งรถไฟจากโอซาก้า หรือ นาโกย่า มาลงที่เมืองคานาซาวา แล้วต่อรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที
ความงดงามของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ เสมือนเป็นภาพวาดที่มีมนต์เสน่ห์ติดตรึงใจของผู้ที่เข้าไปสัมผัส
หากใครมาเยือนแดนปลาดิบ ไม่ควรพลาดมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งนี้สักครั้ง
นนทวรรณ มนตรี