เครือข่ายกะเหรี่ยงรณรงค์ช่วย “ปู่คออี้” กก.สำนักนายกฯ เตรียมถกหาทางออกเรื่องเผาบ้าน พล.อ.สุรินทร์ชี้ชุมชนบางกลอยอยู่กันมาตั้งแต่ดั้งเดิม ควรมีสิทธิในที่ดินทำกิน

ปู่คออี้ / เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ห้องประชุมเครือข่ายเกษตรกรภาคเหนือ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จัดมินิคอนเสิร์ตปกาเกอะญอศึกษา “ปู่คออี้:ใจแผ่นดิน แผ่นดินใจ หยุดอุทยานฯทับพื้นที่สิทธิชุมชนคนอยู่กับป่า” โดยผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เป็นเยาวชนและสามเณรกะเหรี่ยง

กิจกรรมเครือข่ายกะเหรี่ยงเชียงใหม่

นายสรศักดิ์ เสนาะพรไพร ผู้ประสานงานเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงภาคเหนือ กล่าวว่า หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีของปู่คออี้นั้น ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะจากพี่น้องปกาเกอะญอ ซึ่งตนได้รับโทรศัพท์จากคนบนดอยเพื่อสอบถามด้วยความห่วงใยปู่คออี้ซึ่งเป็นผู้อาวุโสชาวกะเหรี่ยง ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องนำคำพิพากษาครั้งนี้มาเรียนรู้และทำความเข้าใจซึ่งมีเยาวชนจิตอาสาเพื่อชุมชนร่วมกันจัดงาน

นายสรศักดิ์กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้สังคม หน่วยงานรัฐผู้รับผิดชอบโดยตรงจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เกิดความเป็นธรรมอย่างไร และให้ชุมชนกะเหรี่ยง ทั้งชุมชนที่อยู่ในเขตป่าอุทยาน แห่งชาติ 148 แห่งทั่วประเทศ ชุมชนกะเหรี่ยง 15 จังหวัดกว่า 1,900 ชุมชนถูกเขตเส้นให้อยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์รัฐบาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะแก้ไขปัญหาอย่างไร

ตลอดจนสร้างกลไกกรรมการอำนวยการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง สำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการอำนวยการฟื้นฟูวิถีชีวอตชาวกะเหรี่ยง กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อติดตามผลักดันให้เกิดรูปธรรมการแก้ไขปัญหาต่อไป

“พวกเราจำเป็นต้องเสนอและติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไปว่า หน่วยงานราชการ เช่น ผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ คณะกรรมการชุดต่างๆ จะร่วมกันแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านบางกลอย กันอย่างไร และให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านแค่ไหน ”นายสรศักดิ์ กล่าว

ป้ายกิจกรรมในงาน

นายสรศักดิ์กล่าวว่า จริงๆแล้วชาวกระเหรี่ยงทุกพื้นที่พร้อมพิสูจน์ว่าชุมชนอยู่มาก่อนอุทยานฯ หรืออุทยานฯ ตั้งก่อน เพียงแต่เมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้วจะทำอย่างไรต่อไป เพราะปัจจุบันมีการสร้างระบบและกติกาต่างๆ มากมายที่กีดกันชาวบ้าน แม้กฎหมายบางฉบับจะเปิดช่องไว้ให้แต่เอาเข้าจริงๆ กลับมีปัญหาในทางปฎิบัติ และมุ่งที่จะใช้วิธีปราบปรามมากกว่า

ด้าน พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง ประธานคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชนเผ่ากะเหรี่ยง 15 จังหวัด สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเดือนกรกฎาคมจะมีการประชุมคณะกรรมการฯซึ่งจะมีการหยิบยกกรณีของปู่คออี้และชาวบ้านบางกลอยเข้ามารือโดยเชิญผู้แทนสำนักงานกฤษฏีกา ผู้แทนเลขาธิการศาลปกครอง ผู้แทนสภาทนายความ และฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือ

เพราะหากสืบค้นประวัติหมู่บ้านบางกลอยบนแล้วก็จะพบว่าเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงมหาดไทยอย่างถูกต้อง และเคยมีสมุหเทศาภิบาลไปตรวจเยี่ยม

“การอพยพชาวบ้านลงมาอยู่ที่บ้านโป่งลึก-บางกลอย เป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตดั้งเดิมของเขา แถมย้ายลงมาก็ไม่สามารถจัดสรรที่ดินทำกินให้เขาได้เพียงพอ ครั้งสุดท้ายยังไปเผาบ้านเขาอีก เรื่องนี้เราก็จะสอบถามว่าฝ่ายกฎหมายจะมีทางออกกันอย่างไร”พล.อ.สุรินทร์ กล่าว

เรียกร้องสิทธิของคนป่า

พล.อ.สุรินทร์กล่าวอีกว่า ชาวกะเหรี่ยงบ้านใจแผ่นดินอยู่กันมาดั้งเดิมเช่นเดียวกับชาวกะเหรี่ยงอีกจำนวนมากในแถบชายแดนตะวันตกซึ่งถ้าไม่มีคนเหล่านี้ อาณาเขตของประเทศไทยอาจไม่กว้างขวางเท่าปัจจุบันเพราะในยุคหนึ่งกะเหรี่ยงจับมือกับมอญเพื่อรบกับพม่า แต่ท้ายสุดเมื่อมอญแพ้และอยู่กับพม่า แต่ชาวกะเหรี่ยงตั้งแต่แม่สาละวิน-แม่น้ำเมย มาจนถึงแถบเทือกเขาตะนาวศรียังยืนยันอยู่ที่ดินและเป็นอาณาเขตประเทศไทยในปัจจุบัน

“เมื่อเขาอยู่มาก่อนก็ควรมีสิทธิในที่ดิน อาจไม่จำเป็นต้องเป็นเอกสารสิทธิหรือโฉนด แต่เขาควรมีสิทธิในที่ดินเหล่านั้น เรากลับไปทำลายวิถีชีวิตของเขาโดยอ้างว่าต้องมีโฉนดหรือมีเอกสารสิทธิ์” พล.อ.สุรินทร์ กล่าว

 

อ่านข่าวปู่คออี้

อ่าน “ปู่คออี้” เศร้าศาลไม่ให้กลับคืนถิ่นเกิด แต่ชี้เจ้าหน้าที่บุกเผาบ้าน ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ

อ่าน กรมอุทยานฯ จ่อฟ้อง “ปู่คออี้” รุกป่าแก่งกระจาน ชี้เผาบ้านทำตามกฎหมาย

อ่าน นักกฎหมายชี้คำพิพากษาระบุชัด “ปู่คออี้” เป็นคนกะเหรี่ยงดั้งเดิมไม่ใช่ผู้บุกรุก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน