“วราวุธ”รมว.ทส.ลงพื้นที่นครศรีฯติดตามโครงการจ้างงานกว่า16,000อัตราทั่วประเทศ ย้ำโปร่งใสทุกขั้นตอน พร้อมส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้

 

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) พร้อมผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรฯ เดินทางลงพื้นที่เพื่อติดตามการปฏิบัติงานภายใต้โครงการจ้างงานให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19

นายวราวุธ ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงานภายใต้โครงการจ้างงานให้กับประชาชนฯ ที่สมัครเข้าร่วมโครงการกับหน่วยงานจ้างงาน คือ สำนักปลัด ทส. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช กรมป่าไม้ และ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) ว่า 4 หน่วยงานของ ทส.ได้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นลูกจ้าง เพื่อเป็นผู้ช่วยงานเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้วทุกหน่วยงาน รวมทั้งสิ้น 16,488 อัตรา และกำหนดให้มีการสำรองบุคคลไว้ 15% เพื่อทดแทนกรณีลูกจ้างลาออกระหว่างปฏิบัติงาน

ทั้งนี้เพื่อความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ มีการจัดทำสัญญาจ้างระหว่างหน่วยงาน และผู้ที่ได้รับการจ้างงาน และหน่วยงานมีการประสาน/ติดต่อธนาคารเพื่อบริการ ผู้รับจ้างในการเปิดบัญชีรับเงิน โดยเงินค่าจ้างจะเข้าบัญชีผู้ที่ได้รับการจ้างโดยตรง ทั้งนี้ ได้กำชับทุกหน่วยงานดำเนินการในการตรวจสอบการจ้างและการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างเข้าบัญชี รวมแล้วไม่เกิน 5 วันทำการ

ทส.ทุ่ม 445 ล้านบาท จ้างงาน 16,488 อัตรากระจายทั่วประเทศ

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า สำหรับผลสัมฤทธิ์ หรือผลลัพธ์ที่จะได้หลังสิ้นสุดโครงการจ้างงาน ทุกตำบล ทั่วประเทศจะมีข้อมูลจากการสำรวจ 7 ชุด ประกอบด้วย 1.แปลงเกษตรในพื้นที่ประสบภัยนอกเขตชลประทาน (ภัยแล้ง/น้ำท่วม) 2.โครงสร้างพื้นฐานด้านแหล่งน้ำที่ชำรุดเสียหาย (อ่างเก็บน้ำ ฝาย คลองชลประทาน ประปาหมู่บ้าน ฯลฯ) 3.บ่อบาดาลสาธารณะที่ต้องการปรับปรุงซ่อมแซม

4.การจัดการขยะในหน่วยงาน/ชุมชน 5.พื้นที่สีเขียวที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ต้องการอนุรักษ์ฟื้นฟู (ไม่เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ) 6.ชนิดพันธุ์ไม้ที่ชุมชน หรือประชาชนต้องการ และ7.ข้อมูลเครือข่ายองค์กร และเครือข่ายภาคประชาชนด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสม. รสทป. รสทช. ฯลฯ)

โดยข้อมูลที่ได้ทั้งหมดจะนำไปสู่การทำแผนชุมชนและการจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระดับตำบล รวมถึงข้อมูลการครอบครองที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่ 23 จังหวัด รวม 2,660 หมู่บ้าน เนื้อที่ 1.8 ล้านไร่ นำไปสู่การจัดที่ดินแก่ประชาชนตามนโยบาย คทช.

ส่งผลให้เกิดร่วมมือจาก 622 เครือข่ายไฟป่า ในพื้นที่ 31 จังหวัด มีการปลูกฟื้นฟูป่าหลังถูกไฟไหม้ เนื้อที่ 18,660 ไร่ เพื่อให้ป่าคงความอุดมสมบูรณ์โดยผลลัพธ์ที่ได้จะนำไปสู่การดูแลรักษาและใช้ประโยชน์จากผืนป่า “สร้างป่า สร้างงาน สร้างรายได้” แหล่งน้ำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 60 แห่ง เขตห้ามล่าสัตว์ป่า 56 แห่ง และหน่วยควบคุมพื้นที่เตรียมการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 2 แห่ง รวม 118 แห่ง มีแหล่งน้ำแหล่งอาหารของสัตว์ป่า จำนวน 2,107 แห่ง

โดยจะช่วยลดผลกระทบจากภัยแล้ง และสัตว์ป่ามีน้ำและอาหารในพื้นที่ป่าชายเลน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน