คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
เมื่อการเมืองไม่แก้ ตำรวจก็อ่วมกันต่อไป – จากเป้าหมายแรกคือนายกรัฐมนตรี แต่ไม่มีการตอบรับใดๆ ไม่มีการขยับจากระดับรัฐบาล ต่อมาเป็นคิวของรัฐสภา พยายามจะแสดงบทบาทในการช่วยหาทางออก ช่วยคลายวิกฤต ด้วยการเปิดพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ลงเอยก็ไม่ได้ช่วยอะไรมานัก
เมื่อไม่มีอะไรจากนายกฯ ไม่มีอะไรจากรัฐสภา
ไม่มีทางออกจาก 2 ช่องทางนี้แล้ว
จากนี้ไปการเคลื่อนไหวของม็อบนักเรียนนักศึกษา จึงไม่พ้นมุ่งสู่ท้องถนนอย่างเดียว
สถานการณ์การประท้วงครั้งนี้ จะดำเนินต่อไปอย่างไร น่าคิดน่าพิจารณา แต่ก็คงยืดเยื้ออย่างแน่นอน
ภาระหนักก็ต้องอยู่กับตำรวจต่อไป!
เมื่อการเมืองไม่แก้ด้วยการเมือง
รัฐบาลก็ไม่ช่วยหาทางออก รัฐสภาก็ไปไม่ถึง เป้าหมาย เพราะส.ส.รัฐบาลและส.ว.ยังแข็งกร้าวไม่ยอมถอย
ก็คือการปล่อยให้ตำรวจต้องเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมต่อไป
เหตุการณ์เคลื่อนม็อบมาล้อมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฉีดน้ำ สาดสีใส่ เท่ากับตำรวจกลายเป็นศัตรูกับผู้ชุมนุมแล้วเต็มๆ
ยิ่งนายกฯประกาศจะใช้กฎหมายทุกฉบับทุกมาตราดำเนินการกับการประท้วงอย่างเข้มข้น
ตำรวจก็ต้องออกหน้าชนกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ อ่วมอรทัยกันต่อไป!
ความที่คนในวัยเรียน วัยหนุ่มสาวนั้น มากด้วยกำลังวังชาและสติปัญญา
ชีวิตในวัยนี้ ไม่มีภาระผูกพันใดๆให้ต้องพะว้าพะวัง สู้ถึงไหนถึงกัน
ศึกนี้ยืดเยื้อแน่นอน!!
ขณะที่ตำรวจนั้น มีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดูแลการชุมนุมประท้วงโดยตรงคือ กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน
กำลังพลไม่เพียงพอกับภารกิจม็อบใหญ่และยาวนาน
ต้องระดมตำรวจจากหน่วยต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งก็ไม่ใช่หน่วยปราบจลาจลโดยตรง แต่ผ่านการฝึกฝนมาระดับหนึ่งเพื่อมาร่วมแก้ไขสถานการณ์การเมืองในกทม.
ส่งผลให้ตำรวจในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศต้องขาดหายไปจำนวนมาก กระทบอะไรต่อมิอะไรไปหมด
เมื่อการเมืองไม่ยอมแก้ปัญหาการเมือง เรื่องก็มาตกที่หน่วยงานผู้รักษากฎหมาย
ต้องปะทะกับเด็กๆ ต้องไล่จับผู้ต้องหาทางความคิดทางการเมือง ซึ่งไม่ใช่โจรผู้ร้ายกันต่อไป!