“มันฯ มือเสือ”
ถึงไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่น แต่ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเหนียมอายกันอีก
การที่รัฐบาลคสช.ดึงนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เข้ามาร่วมงานในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายขับเคลื่อนนโยบายอีอีซี และดึงนายอิทธิพล คุณปลื้ม มาเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬา
แล้วถูกครหานินทาว่าเป็นการต่างตอบแทนผลประโยชน์หลังเลือกตั้ง รัฐบาลคสช.กำลังใช้วิธีเล่นการเมืองแบบเก่าๆ ยุค 0.4 ไม่ใช่ 4.0 โดยไม่คำนึงเจตนารมณ์การปฏิรูปการเมืองและรัฐธรรมนูญ
ก็เป็นเรื่องสมควรโดนแล้ว
การถูกดึงเข้าไปรับตำแหน่งในรัฐบาล ทำให้นายสนธยาและนายอิทธิพล เป็นนักการเมือง 2 คนแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการ “ปลดล็อก” เคลื่อนไหวทำกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างสะดวก โดยไม่ขัดต่อประกาศคำสั่งคสช.
แล้วก็เป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาแฉแหลกว่า รัฐบาลคสช.มีแผนจะดึงอดีตส.ส.-นักการเมืองจากพรรคหรือกลุ่มต่างๆ เข้าร่วมอีกหลายคน
โดยใช้เก้าอี้ผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นตัวล่อ
นอกจากนักการเมืองกลุ่ม “สะสมทรัพย์” ที่เคยอยู่กับพรรคเพื่อไทย อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็เป็น เป้าหมายการติดต่อทาบทามของกลุ่มผู้มีอำนาจเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่เดินสวนทางกับกระแสการปฏิรูป ข้อดีอย่างหนึ่งของการต่อรอง แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่ดำเนินการอย่างโจ๋งครึ่มอยู่ในขณะนี้ ก็คือ
ทำให้ประชาชนที่เฝ้ามองอยู่หลุดพ้นจากความสับสน หูตาสว่างรู้แจ้งเห็นจริงเสียทีว่า
นักการเมืองคนใดเลือกยืนอยู่ข้างระบอบประชาธิปไตย และนักการเมืองคนใดเห็นแค่ผลประโยชน์เฉพาะหน้าสั้นๆ แล้วเลือกที่จะยืนอยู่กับฝ่ายตรงข้ามประชาธิปไตย
เฝ้ามองและจดบันทึกไว้ เมื่อวันเวลาแห่งการเลือกตั้งมาถึง
จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น