คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ปราบได้ก็ปกครองไม่ได้ – กลายเป็นภาพอื้อฉาวไปทั่วโลก สำหรับปฏิบัติการสลายการชุมนุมม็อบนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา
ภาพการฉีดน้ำแรงดันสูงจนผู้ชุมนุมล้มปลิว ดวงตาปวดแสบปวดร้อน ร่างกายบาดเจ็บจากการเบียดดันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
แม้จะมีเด็กเยาวชนยกมือไหว้ก้มลงกราบทุกอย่างก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
จนต้องตั้งคำถามว่าอะไรเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องใช้ความรุนแรงเช่นนี้
จะอ้างว่าทำตามการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงของพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา
ก็ยิ่งสงสัยว่าอะไรทำให้เยาวชน เด็กในชุดนักเรียน กลายเป็นภัยต่อความมั่นคงถึงขนาดนั้น
การออกมาเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญ ให้นายกฯ ลาออก หรือการปฏิรูปการปกครองให้เหมาะสมกับยุคสมัย
มันร้ายแรงถึงเพียงนั้นหรืออย่างไร
อย่าลืมว่าการที่สถานการณ์ลุกลาม บานปลายมาถึงจุดนี้ ก็เกิดจากกลไกทางรัฐสภา ที่ควรจะเป็นตัวเปลี่ยนผ่านในระบบ ไม่ทำงานตามหน้าที่
การเสนอกฎหมายหรือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ถูกเล่นแง่ดึงเวลาจนกระทั่งปิดสมัยประชุม
แสดงออกว่าไม่เห็นหัวประชาชนอย่างชัดเจน!!
ผลักดันให้การปฏิรูปการเมืองต้องลงมาบนท้องถนน
ทางแก้ไขของรัฐบาลก็คือการยอมรับว่าโลกมันปรับเปลี่ยน ไม่มีใครที่ฉุดรั้งอนาคตไว้ได้ตลอดเวลา
แม้จะใช้กำลังคุกคามใช้กฎหมายพิเศษเข้าจัดการหวังให้เกิดความสงบราบคาบไม่มีใครกล้าต่อต้าน
ถ้าทำได้จริงก็ได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีทางยั่งยืน
ไม่เข้าใจหรือว่าแม้จะปราบได้ ก็ปกครองไม่ได้!!!
แล้วยังจะฉุดรั้งเพื่อรอวันพังทลายกันทั้งระบบหรืออย่างไร
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตือนสติรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ผู้ใช้อำนาจทั้งหลาย ให้ตื่นจากฝันที่สวยหรู ที่คิดว่าสามารถปกครองประชาชนได้เหมือนเดิม
แต่ก็ไม่ทราบว่าคำเตือนนี้จะเข้าหูหรือไม่
เหมือนอย่างคำของมหาตมะ คานธี ที่ระบุว่า “เราปลุกได้เฉพาะคนที่หลับจริงๆ เท่านั้น คนที่แกล้งทำเป็นหลับ เราไม่มีวันปลุกเขาได้เลย”
ก็ไม่รู้ว่ากรณีรัฐบาลไทย จะเป็นอย่างไร
รุก กลางกระดาน