คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

ปราบได้ก็ปกครองไม่ได้กลายเป็นภาพอื้อฉาวไปทั่วโลก สำหรับปฏิบัติการสลายการชุมนุมม็อบนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 16 ..ที่ผ่านมา

ภาพการฉีดน้ำแรงดันสูงจนผู้ชุมนุมล้มปลิว ดวงตาปวดแสบปวดร้อน ร่างกายบาดเจ็บจากการเบียดดันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

แม้จะมีเด็กเยาวชนยกมือไหว้ก้มลงกราบทุกอย่างก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

จนต้องตั้งคำถามว่าอะไรเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องใช้ความรุนแรงเช่นนี้

จะอ้างว่าทำตามการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงของพล..ประยุทธ์จันทร์โอชา

ก็ยิ่งสงสัยว่าอะไรทำให้เยาวชน เด็กในชุดนักเรียน กลายเป็นภัยต่อความมั่นคงถึงขนาดนั้น

การออกมาเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญ ให้นายกฯ ลาออก หรือการปฏิรูปการปกครองให้เหมาะสมกับยุคสมัย

มันร้ายแรงถึงเพียงนั้นหรืออย่างไร

อย่าลืมว่าการที่สถานการณ์ลุกลาม บานปลายมาถึงจุดนี้ ก็เกิดจากกลไกทางรัฐสภา ที่ควรจะเป็นตัวเปลี่ยนผ่านในระบบ ไม่ทำงานตามหน้าที่

การเสนอกฎหมายหรือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ถูกเล่นแง่ดึงเวลาจนกระทั่งปิดสมัยประชุม

แสดงออกว่าไม่เห็นหัวประชาชนอย่างชัดเจน!!

ผลักดันให้การปฏิรูปการเมืองต้องลงมาบนท้องถนน

ทางแก้ไขของรัฐบาลก็คือการยอมรับว่าโลกมันปรับเปลี่ยน ไม่มีใครที่ฉุดรั้งอนาคตไว้ได้ตลอดเวลา

แม้จะใช้กำลังคุกคามใช้กฎหมายพิเศษเข้าจัดการหวังให้เกิดความสงบราบคาบไม่มีใครกล้าต่อต้าน

ถ้าทำได้จริงก็ได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีทางยั่งยืน

ไม่เข้าใจหรือว่าแม้จะปราบได้ ก็ปกครองไม่ได้!!!

แล้วยังจะฉุดรั้งเพื่อรอวันพังทลายกันทั้งระบบหรืออย่างไร

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตือนสติรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ผู้ใช้อำนาจทั้งหลาย ให้ตื่นจากฝันที่สวยหรู ที่คิดว่าสามารถปกครองประชาชนได้เหมือนเดิม

แต่ก็ไม่ทราบว่าคำเตือนนี้จะเข้าหูหรือไม่

เหมือนอย่างคำของมหาตมะ คานธี ที่ระบุว่าเราปลุกได้เฉพาะคนที่หลับจริงๆ เท่านั้น คนที่แกล้งทำเป็นหลับ เราไม่มีวันปลุกเขาได้เลย

ก็ไม่รู้ว่ากรณีรัฐบาลไทย จะเป็นอย่างไร

รุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน