อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ?? – เป็นประเด็นข้อถกเถียงทันทีว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านวาระ 2 กำลังเข้าสู่วาระ 3 จะเป็นโมฆะหรือไม่
โดยมีเจตนาทำแท้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่เผยแพร่ออกมาเพียง 4 บรรทัด ระบุให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงมติเสียก่อน ว่าประสงค์ให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสียแล้วต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่อีกครั้ง
อ้างว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังกล่าวยังไม่ได้ทำประชามติ
ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนั้นหรือไม่ !??
เพราะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ คือการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ไม่ให้มีการกระทำที่ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ
และเมื่อมาดูรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ที่กำหนดขั้นตอนไว้อย่างละเอียด
มาตรา 256(8) ก็กำหนดขั้นตอนการทำประชามติชัดเจนว่าจะต้องดำเนินการหลังจากที่สภาลงมติเห็นชอบในวาระ 3
การวินิจฉัยว่าต้องทำประชามติก่อนการแก้รัฐธรรมนูญ จึงย่อมถูกตั้งคำถามว่าอ้างอิงจากบทบัญญัติข้อใด
ไม่เพียงแค่นั้นขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะนำไปร้องศาลได้นั้น ก็กำหนดชัดเจนในมาตรา 256(9) ซึ่งเป็นเรื่องก่อนการทูลเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธย
ดังนั้นการอ้างมาตรา 210 เพื่อรับคำร้อง ดังกล่าวไว้พิจารณา ย่อมต้องถูกตั้งคำถามเช่นกันว่าถูกต้องหรือไม่
เพราะอย่าลืมว่าที่กำหนดให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่สิ้นสุดและมีผลผูกพันกับทุกองค์กรนั้น ก็เพราะมีรัฐธรรมนูญที่เป็นตัวบทค้ำยันอยู่
หมายความว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถวินิจฉัยตัดสินอะไรได้ตามอำเภอใจ แต่ต้องดูแลให้เป็นไปตามตัวบท และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
การวินิจฉัยที่นอกเหนือจากนั้นย่อมสร้างปัญหาในการยอมรับทั้งจากประชาชนและวงการนิติศาสตร์
จนกังวลว่าจะมีอำนาจใดที่สถาปนาตัวเองอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ ชี้ถูกผิดโดยไม่ต้องยึดหลักตัวบทกฎหมาย
ซึ่งจะสร้างความสับสนให้กับวงการนิติศาสตร์จึงเป็นเรื่องที่ต้องทบทวนป้องกันเรื่องดังกล่าว
รักษาระบบของประเทศ ไม่ให้พังทลายลงไป
ให้เป็นที่ชัดเจนว่ายังคงยึดมั่นในนิติรัฐ นิติธรรม !??