วัคซีนอำนาจ ใช้แก้โควิดไม่ได้ – ผ่านสัปดาห์แรกเดือนพ.ค. กราฟ โควิดยังไม่มีทีท่าปักหัวลงอย่างที่ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์
ปริมาณผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นเฉลี่ย วันละ 2,000 กว่าราย ผู้เสียชีวิตก็ยังอยู่ในเกณฑ์ 20 รายต่อวันโดยเฉลี่ย บางวันพุ่งพรวดถึง 30 กว่าราย
กรุงเทพฯ และปริมณฑลยังเป็นสีแดงเข้ม ครองสถิติสูงสุดทั้งตัวเลขผู้ป่วย รายใหม่และเสียชีวิต
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วางเดิมพันตั้งตัวเองเป็น ผอ.บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น
ความล้มเหลวในการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลยังเป็นปัญหาหลัก
แม้จะประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็น ‘วาระแห่งชาติ’ ยืนยันปรับแผนจัดหาวัคซีนจากเดิม 100 ล้านโดสเป็น 150 ล้านโดสภายในสิ้นปี
แต่ก็ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้
วัคซีนไม่ว่าจะ 100 หรือ 150 ล้านโดสจะมีความหมายอะไร หากยังเป็น ‘วัคซีนทิพย์’
ทุกอย่างเกี่ยวกับวัคซีนดูเลื่อนลอย
ไม่มีใครรู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ ประชาชนทั่วไปจะได้ฉีดเมื่อไหร่ รัฐบาลจะกระจายการฉีดอย่างไรให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 แสนโดส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ทันสิ้นปี เพื่อเปิดประเทศ และฟื้นเศรษฐกิจในปี 65
ยังมีประชาชนไม่น้อยที่ใจหนึ่งอยากฉีด แต่อีกใจหนึ่งลังเล ด้วยความไม่แน่ใจในคุณภาพวัคซีนที่เลือกเองไม่ได้
เพราะแบบนี้ถึงได้มี ‘ทัวร์ฉีดวัคซีน’ ในต่างประเทศขึ้นมา แต่ก็เป็นเรื่องเฉพาะคน มีสตังค์
ใครไม่มีสตังค์ก็ต้องอกสั่นขวัญผวากับวัคซีนที่ ‘รัฐบาลจัดให้’ ต่อไป
ซึ่งก็คือรัฐบาลที่มีรากเหง้าจากการ ยึดอำนาจปี 57 ก่อนเปลี่ยนมาใส่เสื้อคลุมเลือกตั้งในปี 62 แต่ ‘เนื้อใน’ ยังเหมือนเดิม
7 ปีกับรัฐบาลที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้เลือก
ผลคือเศรษฐกิจทรุดหนัก บ้านเมืองแตกแยก เกิดโรคระบาดรุนแรงถึง 3 รอบ แม้กระทั่งเรื่องดีๆ อย่างวัคซีน ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาลชุดนี้กลับถูกมองเป็นเรื่องร้าย จนเกิดคำถามว่าที่คนไม่อยากฉีด เพราะไม่เชื่อมั่นวัคซีน
หรือไม่เชื่อมั่นรัฐบาลกันแน่
ดังนั้น ถึงเวลาหรือยังที่เราจำเป็นต้องมี ‘ผู้นำคนใหม่’ ที่มีความรู้ความสามารถ มีวิสัยทัศน์เฉียบคม ฉับไวต่อปัญหาประชาชน
ไม่ใช่มีอำนาจเพื่อเอาไว้ใช้อย่างไร้คุณค่า
บริหารประเทศจนเกิดสภาพที่เห็นๆ กันเวลานี้
มันฯ มือเสือ