คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย…มันฯ มือเสือ
หมูแพง-เลือกซ่อม คนละเรื่องเดียวกัน
ปัญหาของแพง ไหลรวมเป็น คนละเรื่องเดียวกันกับศึกเลือกตั้งซ่อมส.ส. 2 เขต ชุมพรกับสงขลา
มวยคู่เอกแทนที่จะเป็นพรรครัฐบาลกับฝ่ายค้าน กลายเป็นพรรครัฐบาล พลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ เปิดศึกตะลุมบอนกันด้วยวิวาทะ
เริ่มจาก นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พลังประชารัฐ ออกมากล่าวโจมตีกลุ่มการเมืองเก่าแก่ คุมกระทรวงหัวใจหลักเศรษฐกิจอย่างพาณิชย์และเกษตรฯ ว่าบริหารงาน ล้มเหลว
ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าครองชีพสูงขึ้น แต่กระทรวงที่รับผิดชอบกลับเสนอวิธีแก้ไขปัญหาปลายเหตุ จัดโครงการเนื้อหมูราคาถูก ไล่ตรวจฟาร์มสุกร ทั้งที่อาจทราบข้อมูลโรคระบาดมากว่า 2 ปี
“ที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐประนีประนอมให้โอกาสและความเชื่อมั่น ในการบริหารกระทรวงหัวใจหลักของเศรษฐกิจประเทศกับกลุ่มพรรค การเมืองนี้ แต่พบความล้มเหลวทางการบริหาร ไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมาย ใช้กลไกเอื้อต่อนายทุนใหญ่ เช่น กรณี หมูแพง เกษตรกรรายย่อยไม่ได้รับประโยชน์ เพราะขาดทุนจากโรคระบาด และค่าอาหารสัตว์จนต้องเลิกเลี้ยง”
แล้วก็เป็นโฆษกประชาธิปัตย์ที่สวนหมัดทันควันว่า ไม่อยากถามหามารยาททางการเมืองกับคนพูด
“นักการเมืองที่ดีต้องพูดเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม อย่างสร้างสรรค์ ต้องมีวุฒิภาวะ นักการเมืองที่พูดอย่าคิดว่าตัวเอง วิเศษกว่าคนอื่น ชาวบ้านมองออก เวลานี้ควรหยุดโจมตีกันทางการเมือง แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงาน จะเกิดประโยชน์มากกว่า”
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รอง นายกฯ และรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ระบุตรงๆ ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับการเลือกตั้งซ่อมหรือไม่ แม้จังหวะจะสอดรับกันก็ตาม
เพียงแต่แขวะกลับถึงบางพรรคที่ใช้อำนาจรัฐเข้ามาเอื้อประโยชน์ในการเลือกตั้งซ่อม ทำลายความยุติธรรม ความชอบธรรมและทำลายระบอบประชาธิปไตยในระยะยาว
2 พรรครัฐบาลแลกหมัดไม่มีใครยอมใคร หมดเวลาน้ำต้มผักก็ว่าหวาน
สถานการณ์เหมือนผัวเมียร่วมเรียงเคียงหมอน แต่พอเกิดเหตุข้าวของแพง รายได้ไม่พอรายจ่าย หัวหน้าครอบครัวเก่งใช้เงิน แต่หาเงินเข้าบ้านไม่เป็น ฝ่ายเมียก็เอาแต่เกียจคร้าน แต่งหน้าแต่งตาสร้างภาพสวยหล่อไปวันๆ
เมื่อเจ้าหนี้มาเคาะประตูบ้าน ผัวเมียก็ทะเลาะตบตีโทษกันไปมา
รอเวลาแยกย้ายกันไปในที่สุด