รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินหน้าเข้าสู่โค้งอันตราย

ที่โหมโรงร้อนแรงสร้างความหวั่นไหวให้มากที่สุดคือ การยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน

โดยเฉพาะการที่แกนนำฝ่ายค้านยอมรับว่าได้ส่งคนไปประสานงานกับพรรคเล็กร่วมรัฐบาล พรรคเศรษฐกิจไทยของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และส.ส.รัฐบาลอีกราว 30 คน

เพื่อขอเสียงหนุนลงมติไม่ไว้วางใจ ในการอภิปรายที่คาดว่าจะมีขึ้นปลายมิ.ย.-ต้นก.ค.

ฝ่ายค้านยืนยันการพบปะพูดคุยเป็นเรื่องการชี้แจงแนวทางการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อให้คนหรือกลุ่มหรือพรรคดังกล่าวได้มองภาพออกว่า ฝ่ายค้านมีหมัดเด็ดที่จะใช้น็อกรัฐบาลอย่างไร

ระหว่างนี้เองที่เรื่องการต่อรองราคาถูกกระพือออกมา

“ผมสืบทราบมาว่ามีการต่อรองราคากันระหว่าง 5-30 ล้านบาทต่อคน เพื่อให้ส.ส.จำนวนหนึ่งยกมือไม่ไว้วางใจเพื่อล้มรัฐบาลในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า หรืออาจจะกระทำกันก่อนในการพิจารณาไม่ผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลก็เป็นได้” นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ

ไม่มีใครรู้ว่านายไตรรงค์สืบทราบเรื่องนี้จากไหน ไม่ได้บอกชัดเจนว่าใครต่อรองกับใคร

แน่นอนฝ่ายหนึ่งย่อมเป็นส.ส.รัฐบาล แต่อีกฝ่ายเป็นไปได้ทั้งสิ้นว่าอาจเกี่ยวกับฝ่ายค้าน หรือไม่ก็คนในพรรคร่วมรัฐบาลที่คิดจะแทงหลัง หรือไม่ก็เป็นนักแจกกล้วยตัวยง ที่ต้องการโค่นล้มพล.อ.ประยุทธ์

และอีกข้อเป็นไปได้คือ พรรคเล็กปล่อยข่าวปั่นราคาตัวเองเพื่อใช้ต่อรองกับรัฐบาล

ส่วนที่ว่าเป็นพรรคฝ่ายค้านนั้นน่าจะมีน้ำหนักอ่อนที่สุด เพราะตอนนี้รัฐบาลกับฝ่ายค้านเสียงในสภาห่างกันเยอะ

ถ้าจะจ่ายเพื่อให้ส.ส.ล้มรัฐบาลด้วยเสียงเกินครึ่งสภาในการโหวตไม่ไว้วางใจ ตัวเลขอาจต้องพุ่งขึ้นไปแตะหลัก 100 ล้าน

กับเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลอย่างมากที่สุดก็แค่ 10 เดือน หรืออาจจะไปเร็วก่อนสิ้นส.ค.นี้ด้วยซ้ำ ยังไงก็ไม่คุ้มอยู่ดี

ดังนั้น ถ้ามีใครคิดจะต่อรองกับพรรคเล็กในจังหวะหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้

น่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลมากกว่าใครทั้งหมด

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน