“สมิงสามผลัด”

การเมืองก็มีประเด็นให้ดราม่ากันกระหึ่ม

เริ่มจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เปรี้ยง ภายหลังยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา มั่นใจว่าไม่มีสมาชิกพรรคคนไหนลาออกไปอยู่กับกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ที่ประกาศตั้งพรรคใหม่

ความจริงก็อย่างที่รู้กัน ตอนชัตดาวน์ประเทศ นายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพก็กอดกันกลม เป่านกหวีดปรี๊ดๆๆ ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน

พอบรรลุเป้าหมาย กำนันเทือกก็แยกไปตั้งพรรคใหม่ เลยต้องแยกทางกันเดินกับปชป.

แต่ไคลแม็กซ์ของนายอภิสิทธิ์มันอยู่ตรงประโยคนี้

“..สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังสนับสนุนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ส่วนใครที่จะออกนอกแถวไปสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้ไปทางเลือกอื่น ไม่ต้องมาที่นี่..” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นี่ก็เช่นกัน ปชป.ชุดที่นายอภิสิทธิ์กุมบังเหียน ออกมาร่วมกับกำนันเทือกชัตดาวน์ประเทศ ขวางการเลือกตั้ง จนสุดท้ายเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยคสช.

พอเวลาเนิ่นนานไป ความสัมพันธ์ก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างที่พูดนั่นแหละ

แต่พล.อ.ประยุทธ์ยอมไม่ได้ ออกมาตำหนิติติงนายอภิสิทธิ์ทันทีว่า

“พูดอะไรมาก็ระมัดระวังไว้ด้วย การพูดจาต่างๆ ต้องระมัดระวัง และอยู่ที่ประชาชนเขาจะเชื่อถือได้แค่ไหนอย่างไร ผมไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องมา สนับสนุน แต่กรุณาพูดจาให้มันดีๆ”

บิ๊กตู่ยังบอกด้วยว่า “ใครจะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนผมก็แล้วแต่เขา ไอ้การพูดอย่างนี้มันฟังดูดีหรือเปล่า ให้เกียรติซึ่งกันและกันหรือเปล่า ถ้าบางเวลาผมมีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว ผมพูดไปมันก็เสียหายด้วยกันทั้งหมด ผมไม่อยากจะมีอารมณ์ตรงนี้”

“ลองคอยดูวันหน้าก็แล้วกัน เลือกตั้งแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นแล้วเขาจะเปลี่ยนท่าทีอะไรกันอย่างไรก็ไปคอยดูตรงโน้นแล้วกัน แล้วค่อยไปถามเขาอีกที”

จับตาดูกันต่อไป เรื่องความขัดแย้งของคน (เคย) กันเองจะไปจบตรงจุดไหน

แล้วผลการเลือกตั้งในอนาคตออกมาจะเป็นอย่างไร!?

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน