เป็นประเด็นที่กลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
สำหรับกรณีคลิปทหารที่เข้าไปในโรงแรมป่าตองพารากอน โรงแรมดังใน จ.ภูเก็ต เพื่อขอพบผู้บริหารโรงแรม
อ้างใช้อำนาจตามมาตรา 44 และคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2559
โดยระบุว่า เป็นการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล
แต่กลับกลายเป็นประเด็นร้อนในสังคม!??
เป็นเหตุให้แม่ทัพภาคที่ 4 ต้องสั่งการให้นายทหารที่ถูกกล่าวหาไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
เพราะถือว่าเป็นการใส่ร้ายทหารให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
พร้อมชี้แจงว่ากรณีดังกล่าว เป็นการเข้าไปตรวจสอบ เนื่องจากมีลูกจ้างของโรงแรมดังกล่าวมาร้องเรียนว่าถูกให้ออกจากงาน แถมยังถูกข่มขู่คุกคาม จึงอาจเข้าข่ายผู้มีอิทธิพล
ส่วนที่ต้องพกปืนไปก็เพราะแต่งเครื่องแบบ และเข้าไปตรวจสอบเรื่องผู้มีอิทธิพล ก็ต้องระมัดระวังตัวเองด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารที่ถูกกล่าวหาก็ระบุว่า เป็นเรื่องข้อพิพาทในโรงแรม เนื่องจากพนักงานคนดังกล่าวขาดงานก่อนเทศกาลปีใหม่ถึง 6 วัน จึงต้องให้ออก
เมื่อมีคำสั่งไปแล้ว กลับไม่ได้รับการปฏิบัติตาม!??
เป็นข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนจะมีข้อสรุปอย่างไรก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
แต่กรณีดังกล่าวนอกจากเรื่องการเผยแพร่คลิปให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียหายแล้ว ยังส่งผลให้เกิดคำถามตามมาอีก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งในที่ทำงานเช่นนี้ เหตุใดไม่มีการไปร้องเรียนที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
หรือหากไม่ได้รับความเป็นธรรม ระบบยุติธรรมของประเทศไทยก็ยังมีศาลแรงงานเป็นที่พึ่ง
เหตุใดจึงต้องร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม ต่อด้วยร้องเรียนไปที่หน่วยทหาร
และเป็นหน้าที่ของทหารหรือ ที่จะระงับข้อพิพาทเรื่องการจ้างงานของเอกชน
จึงเป็นเรื่องที่ต้องให้เกิดความกระจ่าง ให้รู้ขอบเขตอำนาจของทหารว่ามีแค่ไหน อย่างไร
เพราะหากปล่อยให้ทำงานผิดประเภท หรือผิดหน้าที่
ผลลัพธ์ที่คิดว่าดี อาจจะไม่ใช่ก็ได้!!