สังคมไทยในทุกวันนี้ โดนคุกคามด้วยปัญหาคนคลั่งยาอาละวาด ทำร้ายผู้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ตามชุมชน ตามหมู่บ้าน หรือกระทั่งบนท้องถนน เราก็ไม่รู้ว่าจะมีคนเมายาคลั่งยาขับรถอยู่ แล้วจะก่ออุบัติเหตุร้ายแรง จนคนอื่นบาดเจ็บล้มตายหรือไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่เป็นข่าวเขย่าขวัญซ้ำๆ หลายต่อหลายเหตุการณ์
คลั่งเอาปืนออกมายิงกราด ฆ่าชีวิตผู้คน หรือ เบาหน่อย ไม่ทำให้ใครตาย ยิงปืนมั่ว ทำให้ระทึกขวัญอยู่อย่างไม่เป็นสุข
ประเภทนี้เป็นอันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนอย่างมาก
ล่าสุดไม่ว่าจะเหตุการณ์นายตำรวจระดับสารวัตรคลั่งที่ย่านสายไหม กทม. ใช้ปืนยิงกราดไปทั่ว หรือที่เพชรบุรี หนุ่มคลั่งยายิงกราดฆ่าคนไปถึง 3 ศพ
นี่คือมหันตภัยจากยาเสพติด!!
ที่น่าคิดก็คือ พูดถึงยาเสพติด ในประเด็นทางการเมือง เป็นคำถามว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แก้ปัญหายาเสพติดได้ผลอย่างไร
ขนาดเป็นรัฐบาลทหาร จากการรัฐประหาร อยู่มาถึง 5 ปี ต่อด้วยการเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ที่มี 250 ส.ว. มากำหนดอยู่ในอำนาจอีก 4 ปี
สถานการณ์ยาเสพติดเป็นเช่นไร ประชาชนทั่วไป ย่อมรู้ดี!?!
และในทางการเมืองนี้เอง ในช่วงที่กำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง หลายพรรคมีนโยบายหาเสียงด้านยาเสพติด
กลายเป็นว่าพรรคเพื่อไทย สามารถอวดอ้างนโยบายด้านยาเสพติดได้อย่างเต็มปากเต็มคำที่สุด!
จะเห็นได้ ตามป้ายหาเสียงของผู้สมัครเพื่อไทย ที่กำลังเร่งโอ้อวด ให้เข้าตาประชาชนในการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคมนี้
จำนวนมากเน้นโชว์เรื่องการจัดการยาเสพติด
นั่นเพราะยุคหนึ่ง มีรัฐบาลที่สามารถกำราบยาเสพติดจนแทบสูญสิ้นไปจากสังคมไทย!
แน่นอนว่า สงครามยาเสพติดยุคทักษิณ มี 2 ด้าน รุนแรงเกินขอบเขตคนตายเป็นเบือ แต่อีกด้านชาวบ้านพอใจ ยาบ้าแทบสูญพันธุ์ ซื้อได้ยาก ราคาพุ่งถึงเม็ดละ 400 บาท
รัฐบาลหลังจากนั้น มัวแต่โจมตีการปราบรุนแรง แต่ไม่คิดทำอะไรให้ดีกว่า ผลคือ ยาบ้าฟื้นกลับมา ตอนนี้ราคาเหลือ 4 เม็ดร้อยบาท
แม้ตำรวจยังจับยาบ้าอย่างเข้มข้น จับได้มากมาย แต่ก็ปลายเหตุ
ส่วนระดับรัฐบาลไม่คิดไปแก้ที่ต้นเหตุ คือ แหล่งผลิต ได้แต่สั่งตำรวจไประดมจับมาให้ได้เยอะๆ
จับไปกี่ล้านเม็ด ฝ่ายผู้ผลิตก็ปั๊มยาส่งมาเพิ่ม เท่าเดิม!
อย่างว่า มาเกิดเหตุคนคลั่งยากราดยิงซ้ำๆ บ่อยๆ ในระยะนี้ ยิ่งตอกย้ำประชาชนในการเดินเข้าคูหากาบัตร
ต้องมีเป้าหมาย หาคนมาแก้ไขเศรษฐกิจ และจัดการยาบ้า!!