โคราช-พัทยาตามนัด
จัดกิจกรรมปลดแอก

นักศึกษาหลายจังหวัดจัดกิจกรรมปลดแอก ชิมลางก่อนม็อบนักศึกษา14 ต.ค.นี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีทั้งโคราช-พัทยา ด้านตำรวจพร้อมรับมือชุมนุมใหญ่ระดมกำลัง 95 กองร้อยควบคุมฝูงชน ดูแลความสงบ ด้านเพจตัวแทนผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ ยืนยันไม่ขัดขวางขบวนเสด็จฯ ‘พิธา’ หน.พรรคก้าวไกล พร้อมเข้าร่วมชุมนุม ด้านบช.น.ยืนยันไม่ได้ออกหมายจับแกนนำชุมนุมเมื่อวันที่ 19 – 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่นปช.พะเยา พร้อมเข้ากรุงตามนัด

ความคืบหน้าสถานการณ์นัดชุมนุม ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ต.ค. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) มีบันทึกข้อความถึง ผบช.น.,ภ.1-9 และ ตชด. อ้างถึงหนังสือ บช.น. ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2563 ขอรับการสนับสนุนกองร้อยควบคุมฝูงชน จำนวน 95 กองร้อย จาก ตร. เพื่อปฏิบัติภารกิจการรักษาความปลอดภัยและการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมการชุมนุมคณะราษฎร ที่เชิญชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมการชุมนุม “เพราะเราทุกคนคือคณะราษฎร และคณะราษฎรยังไม่ตาย” ในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ

เพื่อให้การดูแลการชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และสนับสนุนภารกิจของ บช.น. จึงให้หน่วยต่างๆ ดำเนินการดังต่อไปนี้ 1.ให้หน่วยจัดกำลังควบคุมฝูงชน (คฝ.) พร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ประจำกาย สนับสนุน บช.น. จำนวน 95 กองร้อย ใช้ยอดกำลังพลดังต่อไปนี้ ตชด.จำนวน 12 กองร้อย ภ.1 จำนวน 9 กองร้อย ภ.2 จำนวน 10 กองร้อย ภ.3 จำนวน 13 กองร้อย ภ.4 จำนวน 13 กองร้อย ภ.5 จำนวน 9 กองร้อย ภ.6 จำนวน 12 กองร้อย ภ.7 จำนวน 9 กองร้อย และภ.9 จำนวน 8 กองร้อย

โดยให้ร้อย คฝ. ที่สนับสนุนดำเนินการดังนี้ 1.จัดเตรียมอุปกรณ์อาวุธพิเศษ ระดับกองร้อย (อัตรา1หมวด) 2.จัดเตรียมรถควบคุมผู้ต้องหาขนาดเล็ก พร้อมพลขับ กองร้อยละ 1 คัน 3.จัดชุดเจรจาต่อรองกองร้อยละ 3 นาย โดยมีนายตำรวจสัญญาบัตรเป็นผู้ควบคุม ทั้งนี้ให้กำลัง คฝ. (ผบ.ร้อย) ที่สนับสนุน บช.น. รายงานตัวในวันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563 โดยให้สอบถามเวลา สถานที่ และประสานการปฏิบัติกับ พ.ต.ต.อนันต์ จันทร์ศรี สว.ฝอ.3 บก.อก.บช.น.

วันเดียวกัน เพจของกลุ่มเยาวชนปลดแอก, กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย, แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และมอกะเสด โพสต์ข้อความว่า จะไม่ขัดขวางขบวนเสด็จฯ โดยคณะราษฎรขอยืนยันว่าเราจะไม่ขัดขวางขบวนเสด็จฯหากมีขบวนเสด็จฯผ่านยังพื้นที่ชุมนุม หากสื่อสำนักใด หรือกลุ่มใดก็ตามกำลังพยายามสร้างความเกลียดชังแก่ผู้เรียกร้องประชาธิปไตย จงหยุดการกระทำเหล่านั้น เราประกาศไปเป็นเวลานานก่อนหน้านี้แล้วว่า จะชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งการชุมนุมทุกครั้งที่ผ่านมาและครั้งต่อๆ ไปที่จะเกิดขึ้น ล้วนเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ หากเกิดเหตุผิดปกติอันใดขึ้นขอให้ประชาชน จงตระหนักว่า นั่นไม่ได้มาจากผู้ชุมนุม แต่กลับมาจากมือที่ 3 หรือฝ่ายรัฐเองที่ต้องการสร้างสถานการณ์

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการชุมนุมของคณะราษฎร ในวันที่ 14 ต.ค.ว่า เราต้องรู้สึกรู้ร้อนรู้หนาวถึงความต้องการของประชาชน รวมถึงรู้ร้อนถึงปัญหาวิกฤตการเมือง ความเชื่อมั่นของประชาชน หากรัฐบาลต้องการผ่อนอุณหภูมิทางการเมือง เห็นว่าอย่างน้อยควรมีการโหวต เพื่อให้ได้ข้อสรุปถึงทิศทางการแก้กฎหมายของประเทศว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะหากเตะถ่วงต่อไปจะไม่เป็นผลดีและเป็นการเพิ่มอุณหภูมิทางการเมือง หากสภาไม่สามารถเป็นหลักในการแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ เท่ากับว่าเป็นการผลักปัญหาของประชาชนออกไปนอกสภา

“พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องไปยังภาครัฐ ตำรวจ ให้ดูแล คุ้มครองการชุมนุมของประชาชนให้เป็นไปตามสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ส่วนข้อห่วงกังวลว่าอาจจะมีการเผชิญหน้ากันของประชาชนรวมถึงตามกำหนดการมีการใช้เส้นทางขบวนเสด็จฯที่ใกล้กับที่ชุมนุม เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถบริหารสถานการณ์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยได้ พร้อมยืนยันว่าจะไปร่วมชุมนุมในวันดังกล่าวด้วย” นายพิธากล่าว

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ประธานคณะทำงานเพื่อติดตามการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชน ในคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาฯ กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชนในวันที่ 14 ต.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเรียกร้องให้ นายกฯ ลาออก เปิดสภาสมัยวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปสถาบัน พร้อมประกาศชุมนุมยืดเยื้อว่า คณะทำงานยังไม่มีข้อสรุปว่าจะเข้าร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมเหมือนเมื่อครั้งวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาหรือไม่ เนื่องจากต้องนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมกรรมาธิการ ก่อน อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 12 ต.ค.นี้จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับทางกรรมาธิการ เพื่อสอบถามและฟังเสียงกรรมาธิการท่านอื่นๆ ด้วย

“ส่วนตัวผมอยากเข้าไปร่วมสังเกตการณ์การชุมนุม เพราะก่อนหน้านี้เราก็เคยเข้าไปมาแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ขอนำเรื่องเข้าหารือกับทางกรรมาธิการก่อน ถ้าทุกคนเห็นตรงกัน ก็จะเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ แต่หากนำเรื่องเข้าหารือไม่ทัน เนื่องจากเวลาค่อนข้างฉุกละหุก ผมก็จะขอเข้าไปสังเกตการณ์แบบส่วนตัว” นายสมคิดกล่าว

นายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พะเยา กล่าวว่า หลังจากการชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2653 ที่ผ่านมา ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นข้อเสนอให้มีการแก้ไขร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ (รธน.) ฉบับ ปี พ.ศ.2560 เนื่องจากเป็นฉบับที่มาจากอำนาจพิเศษไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมมีเงื่อนไขขอให้มีการแก้ไขร่างรธน. แต่จนถึงบัดนี้ตนยังไม่เห็นรัฐบาลจะแสดงความจริงใจต่อการแก้ไขร่าง รธน.แต่อย่างใด ดังนั้นการชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 นี้ จึงเป็นการทวงคำตอบจากรัฐบาลเรื่องการแก้ไขร่าง รธน. โดยตนและพี่น้องเสื้อแดงพะเยาจะเข้าร่วมการชุมนุมตามวันเวลาและสถานที่นัดหมายด้วย

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ฝ่ายอำนวยการ 5 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ฝอ.5 บก.อก.บช.น.) ทำหนังสือชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่ออกหมายจับแกนนำที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 – 20 ก.ย. แต่อย่างใด โดยเหตุการณ์ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งหากมีความคืบหน้าประการใด จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยว่าเนื่องจากยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีการแจ้งข้อหาใดบ้าง ส่วนที่ประสานงานไปที่ศาลอาญาเพื่อดำเนินการขอออกหมายจับนั้น อาจจะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกัน แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ยืนยันว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ ยังไม่มีการออกหมายจับกุมแกนนำม็อบดังกล่าวแต่อย่างใด

ที่บริเวณข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) นครราชสีมา กลุ่มแนวร่วมเยาวชน นักเรียน นักศึกษาและประชาชนรักประชาธิปไตยโคราชทยอยเดินทางมาร่วมกิจกรรม “#จั๊ก อ่ายเหว่ยเฮยนู๋ละงึด ใครงึดมาเจอกัน” ตามที่ได้นัดหมายในโลกโซเชี่ยลของกลุ่มเพจ เยาวชนโคราช เพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นการรวมตัวของเครือข่ายแนวร่วมอีสานปลดแอก เพื่อสำแดงพลังต่อต้านรัฐบาลเผด็จการและทวงคืนประชาธิปไตย รวมทั้งยื่นข้อเรียกร้อง 1.ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข 2.ให้รัฐสภาเปิดสมัยวิสามัญบรรจุข้อเรียกร้องของประชาชน 100,732 รายชื่อ ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญและสนับสนุนข้อเรียกร้องของ กลุ่มแนวร่วมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 10 ข้อและดำเนินการ 1 ความฝัน

กำหนดการซึ่งเริ่มมีแกนนำอาทิ ทนายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำเยาวชนปลดแอก นาย สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว และหมู่อาร์ม นั่งรอในเต็นท์ข้างเวที เพื่อรอขึ้นไปปราศรัย

ไล่เผด็จการ – กลุ่มเยาวชนพัทยา ร่วมกับประชาชนปลดแอก ตั้งเวทีริมหาดพัทยา จ.ชลบุรี จัดกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการ ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก ตำรวจกว่า 50 นายมาดูแลสถานการณ์ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.

ที่ทางเดินเท้าริมถนนสายชายหาดพัทยา หน้า สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี มีกลุ่มเยาวชนในพื้นที่เมืองพัทยาทำหนังสือขออนุญาตการใช้พื้นที่จากภาครัฐในการจัดชุมนุมในระหว่างเวลา 14.00-19.00 น. ซึ่งมีมาตรการอย่างเข้มงวดในการปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของ ศบค.อย่างเคร่งครัด และการจัดชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย โดยจัดตั้งแผงเหล็กแนวกั้นพื้นที่พื้นที่ประมาณ 20 ตารางเมตร เพื่อให้เยาวชนและกลุ่มประชาชนปลดแอกที่จะมีร่วมปราศรัย และแสดงจุดยืนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย

น.ส.ธมนต์ทิพย์ ทิพย์ปราการ ผู้สนับสนุนเปิดเผยว่าเยาวชนในพื้นที่มีแนวคิดที่จะทำกิจกรรมเหมือนพี่ๆ เพื่อนๆ ในกทม.ที่เรียกร้องประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ จึงเสนอให้จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นโดยจะร่วมกับกลุ่มประชาชนปลดแอกที่มาร่วมในงานด้วย ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวยืนยันว่าทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่กระทำที่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีอย่างแน่นอน เป็นการจัดกิจกรรมแบบเรียบง่ายไม่รุนแรง เพียงแสดงจุดยืนว่าอยากให้ประเทศไทยมีระบบอบการปกครองที่สมบูรณ์ที่สุดเท่านั้น

สำหรับกิจกรรมดังกล่าวมีเยาวชนเดินทางมาเข้าร่วมจำนวนหนึ่ง พร้อมปิดป้ายแสดงเจตนารมณ์ด้านประชาธิปไตย และการแสดงดนตรีสดเพื่อสร้างสีสันภายในงาน ขณะที่ฝ่ายปกครอง เมืองพัทยา ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างระดมกำลังมาเฝ้าระวังกันอย่างเข้มข้นกว่า 50 นายด้วยกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน