ก๊วนนัสโชว์พรรค10กพ.สภาร่อแร่-ชิงปิดหนีล่มพท.ได้กลิ่นรัฐประหาร

‘บิ๊กตู่’ ปลื้มผลสำเร็จเยือนซาอุดีอาระเบีย ฟื้นสัมพันธ์ในรอบ 32 ปี หวังส่งแรงงานไปซาอุฯ สร้างรายได้เข้าประเทศ 9 พันล้านต่อปี ก๊วนธรรมนัส ตีปี๊บขน 21 ส.ส.สังกัดพรรคใหม่ 10 ก.พ. ‘ชลน่าน’ ดักคอได้กลิ่นรัฐประหาร สภาร่อแร่ ประธานชิงปิดประชุมอีกแล้ว เลือกตั้งซ่อมส.ส.เขตหลักสี่ยังคึกคัก พปชร.จีบ ‘อนุสรี’ ส.ส.รวมพลังประชาชาติไทย ลงชิงผู้ว่าฯ กทม. เจ้าตัวยังไม่ตัดสินใจ เพื่อไทยจับตาอนุญาโตตุลาการนัดตัดสินคดีเหมืองอัครา 31 ม.ค. ปูดส่อมีดีลใหญ่กับคิงส์เกต กพร.เตรียมขอยืดเวลาเจรจา แย้มอาจมีการถอนฟ้อง

‘บิ๊กตู่’ กักตัวบ้านพักถึงสิ้น ม.ค.
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 ม.ค. ที่ ท่าอากาศยานทหาร 2 ดอนเมือง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะ กลับถึงไทยภายหลังเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ โดยมี เจ้าหน้าที่จากสถาบันบำราศนราดูรเข้าตรวจเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR และต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขในการกำหนด เส้นทางเป็นการเฉพาะหรือซีลรูท โดยแยกตัวเอง เว้นระยะห่าง รวมทั้งหากจำเป็นต้องประชุมจะผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หรือระบบซูม จากบ้าน และจะตรวจเชื้อวิธี RT-PCR อีกครั้งในวันที่ 30 ม.ค. ซึ่งเป็น วันที่ 5 หลังจากเดินทางกลับ

รายงานข่าวเปิดเผยว่า วันที่ 27 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 1/2565 จากบ้านพักผ่านระบบออนไลน์ ส่วนวันที่ 28 ม.ค. เดิมมีกำหนดพบกับผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลประจำ ปี 2563 และประจำปี 2564 แต่มอบหมาย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ต้อนรับแทน และปฏิบัติงานภายในบ้านพัก ซึ่งเป็นไปตามมาตรการของสาธารณสุขในการป้องกันโควิด-19 ก่อนเริ่มงานที่ทำเนียบรัฐบาลวันที่ 31 ม.ค.

ฟื้นแรงงาน – นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน หารือทวิภาคีกับรมว.ทรัพยากรมนุษย์ซาอุดีอาระเบีย ณ เรือนรับรอง พระราชวังคิงซาอุด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อฟื้นความสัมพันธ์ด้านแรงงาน เมื่อวันที่ 25 ม.ค.

โชว์ผลเยือนซาอุฯ-ฟื้นสัมพันธ์สู่ปกติ
เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์โพสต์ เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงผลสำเร็จการเยือนซาอุดี อาระเบียอย่างเป็นทางการว่า วันนี้มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะขอแจ้งข่าวดีต่อปวงชนชาวไทย รวมทั้งชาวซาอุดีอาระเบีย เกี่ยวกับความสำเร็จในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย ให้กลับมาอยู่ใน “ระดับปกติ” อย่างสมบูรณ์ นับตั้งแต่วันนี้สืบไป ภายใต้ความพยายามอย่างเต็มความสามารถของทั้งสองฝ่าย ถือเป็นการสิ้นสุด 3 ทศวรรษแห่งความห่างเหิน และเริ่มต้นศักราชใหม่แห่งความร่วมมือ สร้างสรรค์ และพัฒนา เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน บนพื้นฐานความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในทุกมิติระหว่างสองประเทศ

ภารกิจการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของตนในครั้งนี้ เป็นไปตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เบื้องต้นทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะยกระดับผู้แทนทางการทูตของทั้งสองประเทศ จากอุปทูตให้กลับมาเป็นระดับเอกอัครราชทูตดังเดิม

รวมทั้งจะพิจารณาจัดตั้งกลไกความร่วมมือทวิภาคี เพื่อผลักดันกรอบนโยบายและแผนความร่วมมือต่างๆ ทั้งในส่วนของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ให้เจริญงอกงามสืบต่อไป และตนได้กราบทูล เชิญมกุฎราชกุมารฯ แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ให้เสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อสานต่อหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ในวันนี้ด้วย

9 ด้านมีโอกาสมหาศาล
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับโอกาสอันมากมายมหาศาล ที่ประเมินว่าทั้งสองประเทศจะได้รับจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ครั้งนี้ ได้แก่ 1.ด้านการท่องเที่ยว : เบื้องต้นคาดการณ์ว่าการเดินทางไปมาหาสู่ที่สะดวกยิ่งขึ้นระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย จะสร้างรายได้ให้ไทยไม่ต่ำกว่าประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อปี

2.ด้านพลังงาน : เกิดการร่วมวิจัยและลงทุน ทั้งในรูปแบบพลังงานดั้งเดิม พลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ชาติของทั้งสองประเทศ

3.ด้านแรงงาน : ช่วงปี 2530 ไทยเคยส่งแรงงานไปซาอุดีอาระเบียมากถึง 300,000 คน สร้างรายได้ส่งกลับประเทศมากกว่า 9,000 ล้านบาทต่อปี บัดนี้ ความร่วมมือและโอกาสนั้นจะกลับมาอีกครั้ง โดยแรงงานจากประเทศ ไทย จะมีส่วนช่วยเติมเต็ม “วิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ.2030” (Saudi Vision 2030) ผ่านโครงการก่อสร้างที่คาดว่าจะมีขึ้นเป็นจำนวนมาก

4.ด้านอาหาร : ประเทศไทยถือเป็น “ครัวโลก” อุดมสมบูรณ์ด้วยผลิตผลทางการเกษตร ผัก ผลไม้ และประมง อีกทั้งมีอาหารที่ทั่วโลกต่างหลงมนต์เสน่ห์ รวมถึงอาหาร “ฮาลาล” ซึ่งไทยมีศักยภาพในการผลิตและพร้อมส่งออกให้แก่ซาอุดีอาระเบีย รวมถึงผ่านซาอุดีอาระเบียไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค นำมาซึ่งโอกาสอย่างมหาศาลสำหรับผู้ประกอบการด้านอาหารของไทย

5.ด้านสุขภาพ : ด้วยความแข็งแกร่งด้านระบบสาธารณสุขของไทย และบุคลากรทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก รวมถึงการให้บริการที่ทุกคนประทับใจ ทำให้ไทยกลายเป็น “ศูนย์กลางทางการแพทย์” (Medical Hub) จึงเป็นโอกาสที่จะเกิดการขยายตัวทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความร่วมมือทางการแพทย์ได้มากยิ่งขึ้น

ลั่นชัยชนะของประชาชน 2 ชาติ
6.ด้านความมั่นคง : ซาอุดีอาระเบียถือเป็นประเทศอิสลามสายกลาง ที่มีอิทธิพลสูงในกรอบองค์กรความร่วมมืออิสลาม (OIC) สามารถมีบทบาทช่วยส่งเสริมการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน ตามแนวทางสันติสุข นอกจากนั้น ยังสามารถมีความร่วมมือกันด้านข้อมูลข่าวสารความมั่นคง และการต่อต้านการก่อการร้ายอีกด้วย

7.ด้านการศึกษาและศาสนา : ที่ผ่านมาซาอุดีอาระเบียได้ให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทยมุสลิมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการศึกษาด้านศาสนา นอกจากนั้นยังเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาการด้านต่างๆ ซึ่งจะทำให้ไทยมีโอกาสขยายการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาระหว่างกันอีกมาก

8.ด้านการค้าและการลงทุน : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากการกลับมาสู่ความสัมพันธ์ในระดับปกติ จะสร้างโอกาสและเปิดประตูทางการค้าให้กับนักลงทุนและเอสเอ็มอีไทย ในการแสวงหาลู่ทางการทำธุรกิจและการแสวงหาหุ้นส่วนทางการค้าได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นทั้งในซาอุดีอาระเบียและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

9.ด้านการกีฬา : จะเป็นโอกาสอันดีในการสร้างความร่วมมือทางการกีฬาของทั้งสองประเทศ ที่มีความสนใจในการแข่งขันและการกีฬาต่างๆ ร่วมกัน เช่นฟุตบอล มวย กอล์ฟ การแข่งรถ รวมถึง e-sport และอื่นๆ และเป็นโอกาสของไทยในการส่งเสริม “มวยไทย” ให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย

“ในวันนี้ ทั้งสองประเทศสามารถก้าวผ่านพ้นอดีต กลับมาสู่อนาคตที่สดใส โดยประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่านี่คือ ชัยชนะ สำหรับประชาชนทั้งสองประเทศ ที่รัฐบาลของทั้งคู่ได้ใช้ความพยายามและทำงาน ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง จนสำเร็จลุล่วงได้ในที่สุด และพร้อมก้าวย่างต่อไปอย่างมั่นคง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

21 ส.ส.ไปพรรคใหม่ 10 ก.พ.
นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 ใน 21 อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการร่วมงานพรรคใหม่ว่า เตรียมแถลงเปิดตัวเข้าสังกัดพรรคการเมืองพรรคใหม่ในช่วงกลางเดือนก.พ.นี้ หรือประมาณวันที่ 10 ก.พ. ก่อนเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ของฝ่ายค้าน ที่คาดว่าจะเป็นช่วงวันที่ 16-18 ก.พ.

หลังจากเข้าสังกัดพรรคการเมืองใหม่แล้ว จะต้องการปรับระบบในสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงที่นั่งส.ส.ในห้องประชุมและสัดส่วน ที่นั่งกรรมาธิการ (กมธ.) เนื่องจากทางกลุ่มมี ส.ส. 21 คน ยืนยันว่าเราทำหน้าที่ ส.ส.พิจารณาร่างกฎหมายโดยยึดผลประโยชน์ของประชาชน และบ้านเมืองเป็นหลัก ไม่ใช่มัดมือให้ยกมือ เพราะการโหวตต้องมีเหตุ และผล ไม่มีการตั้งธงการโหวตเพื่อนำไปต่อรองทางการเมือง

‘เอกชัย’ยื่นกกต.ชงยุบ 2 พรรค
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง มายื่นหนังสือขอให้กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐ พรรคเศรษฐกิจไทย และตัดสิทธิทางการเมืองคณะกรรมการของ 2 พรรคนี้

จากมติขับ 21 ส.ส. ต่อมานายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา 1 ใน 21 ส.ส. ยื่นหนังสือให้ทบทวนมติ โดยระบุทำนองว่า “เมื่อหัวหน้าพรรคเข้ามาในห้องประชุมได้แจ้งว่า ร.อ.ธรรมนัส จะออกจากพรรค โดยจะย้ายไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย และจะให้ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นหัวหน้าพรรค ให้นายอภิชัย เตชะอุบล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นเลขาธิการพรรค โดยจะให้ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัสย้ายไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย โดยมีเจ้าหน้าที่นำใบสมัครสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทยมาให้”

นอกจากนี้ ยังมีคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กรณีการทบทวนมติขับ 21 ส.ส.เพื่อย้ายไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทยว่า “ไม่เห็นจะต้องรับมือเลย ก็พรรคผมทั้งนั้น” ซึ่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่น ซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการ อันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคในลักษณะที่ทำให้พรรคหรือสมาชิกขาดความอิสระ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม

‘หมอชลน่าน’ดักคอได้กลิ่นรปห.
ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้นำฝ่ายค้านในสภา ผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณี 21 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐถูกขับ จะมีปัญหาต่อการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่ว่า การเปลี่ยนแปลงตรงนี้ทำให้สัดส่วนเสียงข้างมากแปรปรวน ส.ส.ทั้ง 21 คน กลายเป็นตัวแปร เพราะมีผลต่อองค์ประชุม และถ้ามีกฎหมายที่ไม่ผ่านสภา แม้จะไม่ใช่กฎหมายการเงิน ก็หมายความว่าคุณไม่มีความพร้อมจะทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร ควรแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน 2 เรื่องคือ 1.นายกฯลาออก 2.ยุบสภา แต่ไม่ควรใช้วิธีการที่ 3 คือการยึดอำนาจหรือรัฐประหาร เพราะมีกลิ่นออกมาว่าอาจออกแนวทางที่ 3

ถ้ามีการยึดอำนาจรัฐประหารเมื่อไหร่ สภาวะทุกอย่างที่ย่ำแย่จะแย่ไปกว่าเดิม คุณอาจหวังว่ายึดอำนาจแล้วจะกลับมาบริหารประเทศ จะเอาเงินที่ไหน เพราะขณะนี้รัฐบาลถังแตกแล้ว ความเสียหายต่อระบบจะลุกลาม ประชาชนขาดความเชื่อมั่น มีการลุกฮือต่อต้าน ต่างประเทศไม่ยอมรับ ขาดความเชื่อมั่น ใครจะคบค้าสมาคมกับไทย ไปซาอุดีอาระเบียโชว์ว่าเป็นผลงาน แต่ซาอุดีอาระเบียต้องการเปิดประเทศ ขนาดซาอุดีอาระเบียคนขี่อูฐยังคิดเป็นเลย แต่คนขี่ควายคิดไม่เป็น ไม่รู้เอาสมองควายมาใส่หรือเปล่า ไม่แน่ใจ

“หากเกิดการรัฐประหารจะเป็นการสืบทอดอำนาจโดยเบ็ดเสร็จ วิธีการอื่นใช้ไม่ได้ เขา ไม่กล้ายุบสภา เลือกตั้งแล้วประชาชนเป็น ผู้ตัดสินจะปรับครม.ก็อายไม่กล้า ประเภท ยอมหักไม่ยอมงอ ตัวเองตาย ประเทศชาติตาย เขาทำแบบนี้ ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดการประนีประนอมเป็นไปได้ยาก การยึดอำนาจคือวิธีการเบ็ดเสร็จของเขา”นพ.ชลน่านกล่าว

ฝ่ายมั่นคงสยบข่าว-‘อนุทิน’ขำก๊าก
รายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคง ยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่มีเงื่อนไขใดที่จะเกิดการทำรัฐประหาร เพราะรัฐบาลยังสามารถบริหารงานได้ตามปกติ และงานสภายังเดินหน้าได้ ไม่มีรัฐประหาร 100% เชื่อว่าผู้พูดอยากสร้างราคาให้ตัวเอง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวพร้อมหัวเราะถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ระบุได้กลิ่นรัฐประหารว่า “ช่วงนี้คัดจมูก” ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ายังไม่มีการส่งสัญญาณอะไรใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “ยังไม่มีสัญญาณอะไร”

ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานกรรมการนโยบายยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ปัญหาต่างๆ ในประเทศเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่า จากประสบการณ์ของตนทุกครั้งตั้งแต่เล็กจนโตเห็นการปฏิวัติมาแต่ละครั้งไม่เคยมีกลิ่นโชยสักครั้ง และทุกครั้งที่ได้กลิ่นก็มักจะไม่มี แต่ทุกครั้งที่มีมักจะไม่มีกลิ่น

สภาโหรงเหรง-ชิงปิดประชุม
เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต ตามที่กมธ.วิสามัญฯพิจารณาเสร็จแล้ว เมื่อมีการโหวตลงมติวาระ 2 มาตรา 5 ก็เกิดปัญหาขลุกขลักเรื่ององค์ประชุม เพราะมีส.ส.อยู่ในห้องประชุมบางตา ทำให้นายชวนต้องกดออดเรียกสมาชิกที่อยู่นอกห้องประชุม และติด ประชุมกมธ.ชุดอื่นๆ ให้รีบเข้ามาแสดงตนเป็นองค์ประชุม นานเกือบ 10 นาที พร้อมขอร้องให้ทุกคนช่วยกดบัตรแสดงตนเป็น องค์ประชุม ผลปรากฎว่ามีสมาชิกเป็นองค์ประชุม 253 คน ถือว่าเกินกึ่งหนึ่งขององค์ประชุมหรือ 237 เสียง จากจำนวนส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 474 คน

จากนั้นที่ประชุมลงมติวาระ 2 รายมาตราจนครบทุกมาตรา ก่อนลงมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต วาระ 3 ด้วยคะแนน 311 ต่อ 0 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 3

ช่วงบ่าย พิจารณาร่างพ.ร.บ.ให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา ในวาระรับหลักการ ตามที่ คณะรัฐมนตรี(ครม.)เสนอ ที่มีปัญหา องค์ประชุมล่มในการพิจารณาเมื่อสัปดาห์ ที่แล้ว ซึ่งครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น และ ที่ประชุมลงมติรับหลักการ ด้วยคะแนน 345 ต่อ 0 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 2 และตั้งกมธ.วิสามัญ 35 คน ขึ้นมาพิจารณาต่อไป

ส่วนช่วงเย็น พิจารณาร่างพ.ร.บ.มาตรการป้องกันและการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือใช้ความรุนแรง วาระรับหลักการ ตามที่ครม.เสนอ กระทั่งเวลา 19.00 น. หลังจากส.ส.อภิปรายครบถ้วนทุกคนแล้ว นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาในฐานะประธานที่ประชุม สอบถามว่า ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลพร้อมลงมติเลยหรือไม่ ขณะที่นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร(วิปรัฐบาล) ชี้แจงว่า เรื่องนี้ต้องมีการตั้งกมธ. เมื่อสักครู่ได้ประสานกันแล้ว และจะขอลงมติครั้งถัดไป

นายสุชาติ กล่าวเสริมว่า เมื่อพิจารณาดูแล้ว เห็นว่าบางตาเหลือเกิน เอาไว้ลงมติในคราวหน้า และสั่งปิดประชุมเวลา 19.05 น.

‘มาดามหลี’ชูรักลุงตู่กาเบอร์ 7
สำหรับการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมส.ส. กทม.เขต 9 หลักสี่ จตุจักร (แขวงลาดยาว แขวงเสนานิคม และแขวงจันทรเกษม) เข้าสู่ใกล้โค้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการกาบัตรใน วันอาทิตย์ที่ 30 ม.ค.

เมื่อเวลา 07.30 น. นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ หรือมาดามหลี ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมส.ส. กทม.เขต 9 พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ซอยรัชดาภิเษก 32 พบปะทักทายประชาชน พ่อค้า แม่ค้า โดยชูนโยบายหาเสียงโค้งสุดท้าย “รักลุงตู่ กาเบอร์ 7” และถ้ารักการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้เลือกสรัลรัศมิ์เข้าไปทำงานในสภา

เวลา 17.30 น.นางสรัลรัศมิ์ ลงพื้นที่ หาเสียงตลาดนัดเคหะบางบัว และกล่าวว่า จากการที่พล.อ.ประวิตร รวมถึงผู้ใหญ่ของพรรคทุกคน ลงพื้นที่มาช่วยหาเสียงได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีมาก และคาดว่าใน วันที่ 28 ม.ค. พล.อ.ประวิตร รวมถึงผู้ใหญ่ของพรรคจะมาช่วยหาเสียงอีกครั้ง

‘อรรถวิชช์’คุยมีเซอร์ไพรส์
นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 พรรคเพื่อไทย และคณะลงพื้นที่หาเสียงบริเวณชุมชนก้าวหน้า ชุมชนชายคลองบางบัว ชุมชนสะพานไม้ 1 ชุมชนสะพานไม้ 2 ตลาดเคหะบางบัว และหมู่บ้านการเคหะบางบัว

นายสุรชาติ กล่าวว่า ในวันเลือกตั้งตนจะเฝ้าสังเกตการณ์และติดตามการลงคะแนนเสียงตลอดทั้งวัน ณ ที่ทำการพรรค เขตหลักสี่

เวลา 06.30 น. ที่ตลาดหน้าปากซอยแจ้งวัฒนะ 6 นายรังสิมันต์ โรม รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เดินรณรงค์หาเสียงให้นายกรุณพล เทียนสุวรรณ หรือเพชร ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมส.ส.กทม. เขต 9 เบอร์ 6

นายรังสิมันต์กล่าวว่า จากการหาเสียงเชื่อว่า เลือกตั้ง 30 ม.ค.นี้ พรรคฝ่ายรัฐบาลอาจไม่ใช่คู่แข่งของพรรคก้าวไกลอีกแล้ว อาจเหลือแค่ 2 พรรค เราจะทำงานกันอย่างหนักและจะส่งนายกรุณพลเข้าสภาได้อย่างแน่นอน

ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.กทม.เขต 9 พรรคกล้า ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา เชิงสะพานไม้ 1 และ 2 ตามยุทธศาสตร์เดินให้ครบทุกหลัง และช่วงเย็นหาเสียงหลังตลาด ในมณฑลทหารบกที่ 11

นายอรรถวิชช์กล่าวว่า วันที่ 28 ม.ค. จะเป็นวันปราศรัยใหญ่ มีเซอร์ไพรส์ใหญ่ ขอให้ประชาชนติดตาม และการเลือกตั้งในวันที่ 30 ม.ค.นี้ พรรคกล้าได้เตรียมคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งไว้ด้วย

พปชร.จีบ‘อนุสรี’ชิงผู้ว่าฯกทม.
รายงานข่าวจากสำนักงานกกต. ระบุถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่หลายพรรคเรียกร้องให้ประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนว่า ต้องรอ ครม. เป็นผู้เคาะให้มีการเลือกตั้ง แล้ว กกต.ค่อยประกาศให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งในขั้นตอนการเสนอเข้าที่ประชุมครม.นั้น จะเป็นในส่วนของกระทรวงมหาดไทยเสนอ เพื่อพิจารณากำหนดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยกระทรวงมหาดไทย และกกต.จะหารือกันก่อนที่จะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมครม. คาดว่าเร็วๆ นี้ จะได้หารือกันต่อไป

นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. เขต 30 พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงความ คืบหน้าการเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย ตนเป็นหัวหน้าภาคกทม. จะพิจารณาและสรุปชื่อแจ้งให้ พล.อ. ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพิจารณา และนำเข้าหารือในกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) อีกไม่นานจะเรียบร้อย

รายงานข่าวเปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐอาจเปิดตัวผู้สมัครช่วงปลายเดือนม.ค.หรือต้น ก.พ.นี้ โดยมีชื่อน.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่เคยเป็นเลขานุการผู้ว่าฯกทม.สมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นแคนดิเดต

น.ส.อนุสรี ให้สัมภาษณ์ว่า ยอมรับว่ามีผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐมาติดต่อพูดคุยเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งตนกำลังตัดสินใจอยู่ แต่ตนมีความสนใจงานกทม. เพราะเคยทำงานอยู่ตรงนั้น แต่ต้องดูปัจจัยที่จะพิจารณาหลายอย่าง เช่น สถานการณ์บ้านเมือง และตอนนี้ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หลายพรรค ลงหาเสียงกันไปเยอะมาก นำเราไปก่อนแล้ว เป็นเรื่องที่ต้องคิดให้รอบคอบ

‘ดร.เอ้’ขยันลงพื้นที่
เวลา 10.00 น. ที่เขตลาดพร้าว นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมผู้สมัครส.ก.ลงพื้นที่ สำรวจคลองหลังวัดลาดปลาเค้า ซึ่งมีสภาพเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น

นายสุชัชวีร์ชี้ให้เห็นอุปสรรคที่ทำให้การระบายน้ำไม่ได้ ไปไม่ถึงอุโมงค์ยักษ์ได้ ทำให้ได้รู้พร้อมกันว่าทำไมอุโมงค์ยักษ์ที่บึงพระราม 9 จึงถูกเป็นจำเลยสังคม ถูกด่าประจำว่าใช้งานไม่ได้ เพราะน้ำมาไม่ถึง พร้อมเสนอวิธีแก้ไข ที่ผู้ว่าฯ กทม.จำเป็นต้องเป็นทั้งพ่อบ้าน ดูแลทุกอย่าง และควรเป็นนายช่างใหญ่ด้วย ไม่เช่นนั้นจะซ่อมไม่ถูกจุด สร้างไม่ถูกที่

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกล เดินทางไปยังย่านอโศก-พระราม 9 พร้อมด้วยผู้สมัครส.ก.ของพรรค เพื่อสำรวจทางม้าลายและทางข้ามแยก โดยพบความผิดปกติ จุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหลายสิบจุด พร้อมเปิดตัวแอพพลิเคชั่น Traffy Foudue หรือ ฟองดูว์ ของทีมวิโรจน์ เพื่อแจ้งปัญหา “พบเห็นม้าลายไม่ปลอดภัยโปรดแจ้งวิโรจน์”

กลุ่มค้านเหมืองอัคราบุกทำเนียบ
ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รับหนังสือจากกลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ที่ยื่นถึงนายกฯ คัดค้านการอนุญาตประทานบัตร, การอนุญาตโรงประกอบโลหกรรมให้บริษัท อัคราไมนิ่ง หรือ บริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมทุนกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ประเทศออสเตรเลีย สำรวจและผลิตและจำหน่ายแร่ทองคำและเงิน

หนังสือร้องเรียนขอให้สอบสวนดำเนินคดีเอาผิดกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.)กระทรวงอุตสาหกรรม กรณีการอนุญาตประทานบัตรและอนุญาตโรงประกอบ โลหกรรมเพื่อทำเหมืองแร่ทองคำให้บริษัทอัคราโดยมิชอบ

ขอให้เร่งถอดถอนนายสุริยะ และนาย สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เหตุไม่กำกับดูแลคดีเหมืองแร่ทองคำของบริษัทอัคราฯ ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กลุ่มคัดค้านการอนุญาตอาชญาบัตรและประทานบัตรที่ออกโดยไม่ชอบให้บริษัท อัครา และขอให้นายกฯ เร่งรัดดำเนินการกับบริษัทอัคราฯ ตามกฎหมายของประเทศไทยด่วนที่สุด

ทางกลุ่มยังไปยื่นเรื่องต่อประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน อธิบดีดีเอสไอ และป.ป.ช. เพื่อสอบสวนในส่วนเกี่ยวข้องด้วย

กพร.แย้มอาจได้ถอนฟ้อง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีคิงส์เกต บริษัทแม่ของบริษัทอัคราฯ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียว่ารัฐบาลไทยอนุมัติประทานบัตรเหมืองแร่ 4 แปลงให้กลับมาเปิดเหมืองแร่ในไทย รวมทั้งเหมืองแร่ชาตรีที่ยุติการดำเนินงานไปตั้งแต่ปี 2560 ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัด แต่คงเป็นการดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรม หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงดำเนินการได้ตามขั้นตอนและอำนาจที่มีอยู่ ซึ่งปกติจะมีการรายงานให้ตนและครม.ทราบทุก 3 เดือน

นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า แนวโน้มการฟ้องร้องข้อพิพาทน่าจะดีขึ้น ตามหลักการแล้วถ้าสามารถตกลงกันได้ ไม่มีเรื่องอะไรที่จะฟ้องร้องกันอีก ก็อาจมีการถอนฟ้องหรือจบคดีร่วมกันด้วยดี

“ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างตกลงกันเพื่อเตรียมขอให้อนุญาโตตุลาการ ขยายเวลาเจรจาออกไปอีกครั้งจากที่จะครบกำหนด 31 ม.ค.นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้กพร. ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามความเป็นอยู่ชาวบ้านในพื้นที่ หลังจากผู้ประกอบการหยุดดำเนินการ และสอบถามชาวบ้านพบว่าส่วนใหญ่อยากให้บริษัทกลับมาดำเนินกิจการ เพื่อสร้างงานและสร้าง รายได้ให้ชุมชน แต่บริษัทจะกลับมาดำเนินการได้เมื่อไรขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัทเป็นหลัก” นายนิรันดร์กล่าว

เพื่อไทยจับตาส่อมีดีลใหญ่
น.ส.จิราพร สินธุไพร กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลไทยกำลังมีดีลใหญ่กับคิงส์เกตเพื่อแลกกับการถอนฟ้องใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลอนุมัติสิทธิสำรวจแร่ทองคำในพื้นที่เกือบ 4 แสนไร่ให้ คิงส์เกต และยังเร่งอนุมัติสัญญาเช่าอีก 4 แปลงเพื่อเปิดทางให้เหมืองอัครากลับมาดำเนินการได้ก่อนจะตัดสินคดี อาจเป็นการนำสมบัติชาติไปมัดจำก่อนตามที่ได้เจรจาไว้ และยังมีพื้นที่อีกเกือบ 6 แสนไร่ และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่รอการอนุมัติเพิ่มเติมหลังจากนี้

การที่รัฐบาลไทยนำทรัพยากรชาติไปใช้ในการเจรจาต่อรองลักษณะนี้เป็นการดีลที่เกินกว่าข้อพิพาทหรือไม่ ในอนาคตอาจเกิดปัญหาทางกฎหมายได้ จึงขอเรียกร้องให้ ประชาชนช่วยกันจับตาผลการตัดสินคดี 31 ม.ค.นี้ และเชิญชวนให้ร่วมกันลงชื่อกับพรรคเพื่อไทย เพื่อคัดค้านการนำสมบัติชาติไปสังเวยความผิดพลาดของพล.อ.ประยุทธ์ อย่าให้ผลักความผิดของตัวเองมาให้ประชาชนและประเทศชาติต้องรับผิดชอบแทน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน