เหนือ-อีสานอ่วม ไฟป่าลามหนัก เชียงใหม่วิกฤต มลพิษที่ 1โลกอีก

เตือน 50 จังหวัดเตรียม รับพายุฤดูร้อน ระวังลูกเห็บ- ฟ้าฝ่า ขณะที่เชียงใหม่วิกฤตซ้ำซ้อน พุ่งขึ้นอันดับ 1 อีกรอบเมืองมลพิษโลก คพ.เตือนภัยคนเหนือตอนบนหลายจังหวัดค่าฝุ่นเกิน มาตรฐานอันตรายต่อสุขภาพ เหตุหมอกควันประเทศเพื่อนบ้าน เแม่สายอ่วมค่า PM 2.5 พุ่งอันดับ 1 ในไทย ส่งผลย่านการค้าชายแดนเงียบเหงา จุดความร้อนลาวสุดพีกนำโด่งเกือบแตะหมื่นจุด ไฟป่าเมืองสามหมอกยังคง หนักหน่วงลามเข้าวัดพระธาตุปางหมู อากาศร้อนระอุลุงขี้เมาตายคากองขยะ คาดฮีตสโตรก หลายจังหวัดฝุ่นควันคลุมทั่วเมือง

เตือนฟ้าผ่า-ลูกเห็บถึง 29 มี.ค.
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. น.ส.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 2 (81/2566) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 26-29 มี.ค. ) ระบุว่า ในช่วงวันที่ 26-29 มี.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน

ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ เริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และด้านตะวันออกของภาคเหนือ จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป

ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

จะมีผลกระทบดังนี้ วันที่ 26 มี.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

วันที่ 27 มี.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี, ภาคตะวันออก : จ.สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

วันที่ 28 มี.ค. ภาคเหนือ : จ.น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี, ภาคกลาง ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล, ภาคตะวันออก นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด








Advertisement

วันที่ 29 มี.ค. ภาคเหนือ : พิษณุโลก และเพชรบูรณ์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี, ภาคกลาง นครสวรรค์ สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล, ภาคตะวันออก นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ที่ http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

50 จังหวัดเสี่ยงพายุฤดูร้อน
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งมีประกาศฉบับที่ 2 (81/2566) แจ้งว่า ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกและฟ้าผ่า กอปภ.ก จึงได้ประสาน 50 จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพฯ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อนที่อาจเกิดขึ้น โดยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง และจัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้ทันที ทั้งนี้ ให้จังหวัดติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย งดใช้เครื่องมือสื่อสารและอุปกรณ์อิเล็ก ทรอนิกส์ทุกประเภท เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

เหนือตอนบนค่าฝุ่นขึ้นสีแดง
วันเดียวกัน ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ(คพ.) รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศพื้นที่ทั่วประเทศ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง พบค่าฝุ่นระหว่าง 9-367 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.)

ภาคเหนือ ตรวจวัดค่าฝุ่นระหว่าง 28-367 มคก./ลบ.ม. พบเกินมาตรฐานรวม 23 พื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สีแดง (กระทบต่อสุขภาพ) ได้แก่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ค่าฝุ่น 367 มคก./ลบ.ม. ซึ่งมีค่าฝุ่นสูงสุดในไทย ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย, ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่, ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่, ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง, ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย, ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน, ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน, ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพูน, ต.นาจักร อ.เมือง จ.แพร่, ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา, ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน, ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์, ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี, ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน, ต.หางดง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่, ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่, ต.ลี้ อ.ลี้ จ.ลำพูน, ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่, ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจวัดค่าฝุ่นระหว่าง 35-152 มคก./ลบ.ม. พบเกินมาตรฐาน 8 พื้นที่ ได้แก่ บริเวณต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร, ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น, ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย, ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย, ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี, ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม, ต.บึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ, ต.ลำภู อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีมากถึงคุณภาพปานกลาง

กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง คพ. คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มที่ควรเฝ้าระวังในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านในวันที่ 26-29 มี.ค.

ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ สำหรับประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีแดง) ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์

‘ลาว’จุดความร้อนหมื่นจุด
วันเดียวกัน สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือจิสด้า (GISTDA) เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 24 มี.ค. ไทยพบจุดความร้อนสูงขึ้นกว่าเดิมมากถึง 3,088 จุด ในขณะที่สปป.ลาวยังคงสูงสุดต่อเนื่อง วันที่ 24 มี.ค.พุ่งถึง 9,748 จุด ตามด้วยเมียนมา 6,352 จุด เวียดนาม 879 จุด กัมพูชา 652 จุด และมาเลเซีย 27 จุด

สำหรับจุดความร้อนในไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นป่าอนุรักษ์ 1,286 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 1,237 จุด พื้นที่เกษตร 255 จุด พื้นที่ ชุมชนอื่นๆ 156 จุด พื้นที่เขตส.ป.ก. 140 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 14 จุด ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ จ.แม่ฮ่องสอน 547 จุด จ.น่าน 280 จุด และ จ.เชียงใหม่ 221 จุด

ทั้งนี้ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th หรือ https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ผ่านแอพพลิเคชั่น ‘เช็คฝุ่น’

เชียงใหม่ขึ้นที่ 1 โลกอีก
ที่จ.เชียงใหม่ เกิดวิกฤตคุณภาพอากาศหนักขึ้นจากฝุ่นควันพิษ PM 2.5 ช่วงเวลา 08.00-09.00 น. การรายงานของเว็บไซต์ https://www.iqair.com ตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดการเมืองที่มีมลพิษแย่ที่สุดของโลก US AQI พบว่า จ.เชียงใหม่ คุณภาพอากาศขึ้นมาอยู่อันดับ 1 ของเมืองที่คุณภาพแย่ที่สุด มีค่า 187 มคก./ลบ.ม. มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง

ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากคพ.ของเว็บไซต์ AIR4THAI.COM จำนวน 6 จุดเช้าวันนี้ พบว่า 3 จุดที่มีค่าฝุ่นเกิน 100 มคก./ลบ.ม. มากที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่า 227 มคก./ลบ.ม. ส่วนพื้นที่ ต.หางดง อ.ฮอด, เชียงใหม่ พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) มีค่า 103 มคก./ลบ.ม. และพื้นที่ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม, เชียงใหม่ พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) มีค่า 102 มคก./ลบ.ม.

ด้านศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จ.เชียงใหม่ รายงานข้อมูลจาก GISTDA รายงานจุดความร้อน (Hotspot) ประจำวันที่ 25 มี.ค. รอบเช้า จ.เชียงใหม่ พบจุดความร้อน 77 จุด เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึงปัจจุบัน ทั้งหมด 4,322 จุด

แม่สาย PM 2.5 สูงสุดในไทย
ที่จ.เชียงราย สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นพิษโดยเฉพาะที่ชายแดนไทย-เมียนมาด้านอ.แม่สาย ยังวิกฤต โดยเมื่อเวลา 13.30 น. วัดค่าฝุ่น PM 2.5 ได้สูงถึง 485 มคก./ลบ.ม. สูงเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ โดยประชาชนและนักท่องเที่ยวที่แม่สายตอนนี้ต้องเผชิญกับวิกฤตหมอกควันและฝุ่นพิษ จนมีผลกระทบต่อร่างกาย ส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวบริเวณหน้าด่านพรมแดน ที่เคยคาดหวังกันว่าหลังจากเปิดด่านพรมแดนที่สะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 บรรยากาศจะกลับมาคึกคัก กลับกลายเป็นเงียบเหงา ย่านการค้าชายแดนมีผู้คนบางตา

ขณะที่อ.เมือง วัดได้ 253 มคก./ลบ.ม. ซึ่งเป็นค่าที่เกินมาตรฐานมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ลักษณะเช่นนี้ประชาชนควรเลี่ยงออกมาในที่โล่งโดยไม่จำเป็น และสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นละออง ส่วนพื้นที่จ.เชียงราย พบการเกิดจุดความร้อนในพื้นที่ 117 จุด ด้านสถานการณ์ชายแดนไทย-ลาว ทางด้าน อ.เชียงของ ก็วิกฤตหนักเช่นเดียวกัน คุณภาพอยู่ในระดับสีแดงต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 2 วัดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 325 มคก./ลบ.ม.

สภาพของตัวเมืองเชียงราย ยังคงถูกปกคลุมอย่างหนาแน่นจากหมอกควันไฟ ภายหลังจากพื้นที่ป่าหลายแห่งทั้งป่าดอยปุย ป่าห้วยขม อ.เมือง จ.เชียงราย และดอยจรเข้ อ.แม่จัน ยังมีไฟไหม้ แม้เจ้าหน้าที่จะช่วยกันดับ แต่ก็ยังมีการเกิดไฟในจุดใหม่เป็นระยะและขยายวงกว้างไปยังจุดอื่นๆ ทำให้เกิดหมอกควันไฟสะสม ประกอบกับสภาพอากาศแล้งฝนทิ้งช่วงในระยะนี้ทำให้ควันไฟหนาแน่น ตลอดทั้งวันมีหมอกควันปกคลุมจนแทบไม่เห็นตัวเมืองละท้องฟ้ามีสภาพฟ้าหลัว

ตลอด 24 ชั่วโมงของวันที่ 24 มี.ค. พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เกิดจุดความร้อนขึ้นทั้งหมด 4,040 จุด จากทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศ 5,146 จุด โดยจ.เชียงราย เกิดขึ้นเพียง 292 จุด แต่การที่จ.เชียงรายต้องเผชิญกับวิกฤตหมอกควันและฝุ่นพิษอย่างหนักในขณะนี้ เนื่องจากในประเทศเพื่อนบ้านเกิดจุดความร้อนเป็นจำนวนมาก โดยสปป.ลาวทั่วทั้งประเทศเกิดจุดความร้อน 9,784 จุด, เมียนมาทั่วทั้งประเทศ เกิดจุดความร้อน 7,309 จุด

นายพุฒิพงษ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้แจ้งไปยังเทศบาลนครเชียงราย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 ป่าไม้ ศูนย์ไฟป่าเชียงราย แขวางการทาง ทางหลวงชนบท ตลอดจนอำเภอทั้ง 18 อำเภอ เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในระยะเร่งด่วน ให้ฉีดล้างถนน ฉีดพ่นละอองน้ำจากมุมสูง จนกว่าค่าฝุ่นละอองอาจจะกลับเข้าภาวะปกติ หากพิจารณาแล้วมีแนวโน้มการสะสมของหมอกควันให้เพิ่มรอบการฉีดพ่นน้ำมากขึ้นกว่าเดิม โดยให้คำนึงถึงการสำรองน้ำไว้ใช้เพื่อป้องกันการขาดแคลนด้วย

พะเยาฝุ่นพิษทั่วเมือง
ที่จ.พะเยา สภาพอากาศหมอกควันเข้าขั้นวิกฤต ส่งผลกระทบจากฝุ่นพิษหมอกควัน PM 2.5 เกินค่ามาหลายวัน ทำให้พื้นที่ใน จ.พะเยาปกคลุมไปด้วยหมอกควัน จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ต.บ้านต๋อม อ.เมือง, พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) มีค่า 112 มคก./ลบ.ม. นอกจากนี้ยังพบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) มีค่า 128 มคก./ลบ.ม. และ AQI มีค่า 222 มคก./ลบ.ม. อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งยังมีการเผาป่าอย่างต่อเนื่องและยังได้รับผลกระทบจากจังหวัดรอบข้างที่มีการเผาป่าทำให้ จ.พะเยา ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน

ด้วยสภาพอากาศหมอกควันในวันนี้เข้าข้างวิกฤต เนื่องจากจ.พะเยาเป็นพื้นที่แอ่งกระทะ ทำให้หมอกควันเข้าปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง หมอกควันฝุ่นพิษปกคลุมมืดไปทั้งเมือง ซึ่งในวันนี้หมอกควัน PM 2.5 เกินค่าทะลุ 112 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศมีผล กระทบต่อสุขภาพประชาชน

ไฟป่าลามวัดพระธาตุปางหมู
ที่จ.แม่ฮ่องสอน นายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 24 เวลาประมาณ 20.00 น. ทางอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ได้จัดส่งกำลังอาสารักษา ดินแดน กองร้อยที่ 2 อ.เมือง ร่วมกับ หน่วยไฟป่าแม่ฮ่องสอน สจป.1 ชาวบ้านปางหมู รถน้ำราชภัฏ รถน้ำเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน รถน้ำ ปภ. ช่วยกันดับไฟป่าและควบคุมไฟป่าที่ลุกไหม้ด้านหลังวัดพระธาตุปางหมู บ้านปางหมู และควบคุมเพลิงได้หลังผ่านไป 1 ชั่วโมง

ทางด้านศูนย์อำนวยการควบคุมแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง จ.แม่ฮ่องสอน รายงานจุดไฟป่าของวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา พบไฟป่าในพื้นที่แม่ฮ่องสอน ทั้งหมด 547 จุด และช่วงเช้าของวันที่ 25 มี.ค. พบจุดไฟป่า 177 จุด ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน 262 มคก./ลบ.ม. ทัศนวิสัยเหลือเพียง 1 ก.ม. ถือว่าหมอกควันไฟป่าหนาทึบมากที่สุด

‘เลย’เพลิงโหมขึ้นภูผาสาด
ที่จ.เลย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวัน บนทางหลวงหมายเลข 21 ก.ม.384-ก.ม.385 และอีกหลายๆ จุด เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงเลยที่ 2 และอบต.สานตมและอบต.ในพื้นที่เข้าควบคุมเพลิง ไฟไหม้ป่าอย่างหนัก ใช้เวลาในการไหม้ข้ามวัน จนถึงเช้านี้ยังไม่ดับ และลามเข้าป่าลึก การใช้เส้นทางการเดินรถ ใช้ความระมัดระวัง ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี ไม่ถึง 20 เมตร

จากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวมาแล้วประมาณ 2 วัน ทำให้พื้นที่ภูสวรรค์ซึ่งเป็นพื้นที่ป่ารอยต่อระหว่างอ.เมืองเลยกับอ.ภูเรือ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักไปยังอำเภอต่างๆ ได้เกิดไฟไหม้ป่าเป็นระยะเวลาเกือบ 2 วันแล้ว สภาพอากาศที่ร้อนทำให้ใบไม้และเศษวัสดุต่างๆ ที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี และเกิดไฟโหมข้างทางถนนหลวง หลายหน่วยงานได้ระดมกันเข้ามาดับไฟป่า รถที่สัญจรไปมาบริเวณนี้เคลื่อนตัวช้า เนื่องจากควันมากจนมองไม่เห็น ในระยะไม่เกิน 20 เมตร

สำหรับสาเหตุหลักคาดว่ามาจากฝีมือของมนุษย์ที่มีการเผาป่าและลุกลามเป็นพื้นที่กว้างตลอดจนพื้นที่ป่าภูสวรรค์ ไม่มีบ้านคนอาศัย มีเชื้อเพลิงจากเศษไม้ และอากาศที่ร้อนจัด ลมแรงตลอดทั้งวัน ทำให้ลุกลามได้ดีและกินระยะไกล จนเข้าไปยังป่าลึกบริเวณภูผาสาด ซึ่งเป็นภูเขาที่มีสถานีทวนสัญญาณระบบโทรคมนาคม ในอ.ภูเรือ จ.เลย เช้าวันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของอ.ภูเรือและทางจ.เลย จะเข้าไปตรวจสอบและเข้าควบคุมเพลิงอีกครั้ง ต้องใช้การเดินเท้าและใช้เจ้าหน้าที่เป็นจำนวนมาก

ลอบเผาตอซังข้าวไฟไหม้ทุ่ง
ที่จ.นครราชสีมา ชาวนาในต.กระเบื้องใหญ่ อ.พิมาย แอบลักลอบจุดไฟเผาตอซังข้าว กลางทุ่งนา ทำให้ไฟได้ลุกไหม้ตอซังข้าวเกิดกลุ่มควันไฟจำนวนมาก ลอยขึ้นบนท้องฟ้าปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 24 มี.ค. ส่งผลกระทบกับชาวบ้านอย่างมาก ทางรถน้ำขององค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง พร้อมด้วยอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยพิมาย ช่วยกันฉีดน้ำดับไฟ ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้

ขณะที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 นครราชสีมา รายงานว่า ช่วงวันที่ 24 มี.ค. พบมีจุดความร้อนที่เกิดจากการเผา (HOTSPOT) เกิดขึ้นมากถึง 30 จุด แบ่งเป็นเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 1 จุด, เขตป่า ส.ป.ก. 12 จุด, เขตป่าสงวน 1 จุด, ริมทางหลวง 1 จุด, พื้นที่การเกษตร 7 จุด และพื้นที่ตามหมู่บ้านชุมชน 2 จุด ทำให้ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เริ่มเพิ่มสูงขึ้นหลายพื้นที่ ถึงอย่างไรก็ตามโชคดีที่ท้องฟ้าเปิด ทำให้ภาพรวมของค่าฝุ่นละออง PM 2.5 อยู่ที่ 41 มคก./ลบ.ม. ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์คุณภาพอากาศปานกลาง แต่ถ้ายังมีการลักลอบเผาต่อเนื่องเช่นนี้ และท้องฟ้าปิดจะส่งผลให้ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้นกว่านี้อีกแน่นอน

ลุงขี้เมาดับคาดฮีตสโตรก
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 มี.ค. สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีพบศพชายเร่ร่อนชื่อ นาย สมศักดิ์ บุญเคน อายุ 52 ปี ชาวชุมชนท่ากอไผ่ เทศบาลเมืองวารินชำราบ นอนเสียชีวิตอยู่ในเพิงสร้างขึ้นชั่วคราว บริเวณกองขยะริมถนนไปวัดหายโศก เทศบาลเมืองวารินชำราบ จากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้ายหรือโดนของมีคมใดๆ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน จนศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นแล้ว

น.ส.อธิพร บุญเคน อายุ 23 ปี ลูกสาวเล่าว่า ก่อนพ่อจะเสียชีวิต 3 วัน กลับเข้าบ้านไปนั่งบ่นเรื่องอากาศร้อน ทำให้เก็บของเก่าจากกองขยะไม่ได้มาก จนวันนี้คนในหมู่บ้านมา บอกพบพ่อนอนตายแล้ว คาดว่ามาจากกินเหล้าช่วงมีอากาศร้อน ทำให้เสียชีวิตและไม่ติดใจสาเหตุของการตายขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี

สำหรับจ.อุบลราชธานี ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ถึงวันนี้ มีสภาพอากาศร้อนจัดอุณหภูมิสูงถึง 38-40 องศาเซลเซียส นายแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ออกมาเตือนอย่าอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ เพราะทำให้เป็นไข้ลมแดดและเกิดอาการฮีตสโตรก

หนองคายฝุ่นควันคลุมเมือง
ที่จ.หนองคาย สภาพอากาศเลวร้าย ท้องฟ้าขมุกขมัว ปกคลุมไปด้วยฝุ่นควัน โดยสถานีตรวจสอบคุณภาพอากาศ สวนสาธารณะหนองถิ่น ต.มีชัย อ.เมืองหนองคาย พบว่าค่าคุณภาพอากาศแตะระดับ 201 AQI เป็นสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ที่ 91 มคก./ลบ.ม. ส่งผล กระทบต่อสุขภาพ

ชาวหนองคายเริ่มวิตกกังวลกับสภาพอากาศที่เลวร้ายนี้ ทั้งฝุ่นควันจากการเผาป่าในพื้นที่ และการเผาป่าในประเทศเพื่อนบ้านที่ทำให้ควันฝุ่นละออง ลอยปลิวมากับแรงลม ประกอบกับสภาพอากาศร้อนจัดอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส อุณหภูมิความร้อนทวีความรุนแรงมากขึ้น ยิ่งทำให้กระทบต่อสุขภาพของประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน