‘แดนนี่’เสิร์ชกูเกิ้ลตามหาพ่อชีวิตดั่งนิยาย-แม่ทิ้งไปตั้งแต่อายุ7วัน – สู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก สำหรับ ‘แดนนี่ ลูเซียโน่’ นักแสดงหนุ่มลูกครึ่งไทย- สวิตเซอร์แลนด์ วัย 22 ปี จากละคร “มนต์รักหนองผักกะแยง” ทางช่อง 3 กับบท ‘ครูริช’

ทำให้เข้าใจความรู้สึกของคนยากลำบาก เจ้าตัวเลยลงพื้นที่บริจาคข้าวสารอาหารแห้งให้แคมป์คนงาน

คิดอย่างไรถึงได้ลงพื้นที่ไปบริจาคข้าวสารอาหารแห้งให้แคมป์คนงาน?

แดนนี่ – “ในตอนมีโอกาสเริ่มมาทำงานในวงการบันเทิง เราไม่ค่อยมี ต้องสู้ชีวิต ตอนนั้นลำบาก ไม่มีใครมาคอยช่วยเหลือ เหมือนเราผ่านจุดนั้นมาแล้ว พอถึงวันที่เรา ยืนในจุดที่พอมีก็อยากจะช่วยเหลือ เลยคุยกับพี่ว่าเราไปบริจาคกันดีไหม ก็มีพวกพี่น้องเพื่อนๆ มาช่วยสมทบทุนซื้อของไปบริจาคให้พี่ๆ แคมป์คนงาน”

สู้ชีวิตมาตลอด ลำบากมาเยอะก่อนจะเข้าวงการ ถึงเข้าใจความลำบาก?

แดนนี่ – “ในวัยเด็ก เราเติบโตมากับครอบครัวที่ไม่ได้กินหรูอยู่สบาย พ่อแม่ออกไปทำงานตอนเช้ากลับมาตอนเย็น ซึ่งผมก็ ไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ ของพ่อกับแม่ที่เลี้ยงผมมา ทางครอบครัวยังมีพี่อีกสองคนและน้องชายอีกคนซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ของเขา”

“จนถึงวัยที่เราพร้อมออกไปทำงาน เลือกทำงานพาร์ตไทม์ เป็นพนักงานเสิร์ฟโต๊ะจีน เป็นงานแรกที่ทำ ได้เงิน 500 บาท ดีใจมาก รู้สึกตอนนั้นเยอะมาก แต่เป็นงานที่หนักมาก ทำอยู่หลายปี ได้เงินมาก็แบ่งให้แม่บ้าง เก็บไว้ใช้ส่งตัวเองเรียนบ้าง แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นพนักงานพาร์ตไทม์ เซเว่นฯ ช่วงนั้นมัธยมปลาย ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ทำอยู่ปีสองปีจนไปเจอพี่ผู้จัดการของผม”

“ตอนนั้นแม่เอารูปผมไปโพสต์ในโซเชี่ยล ใส่แคปชั่นประมาณว่า เอาลูกไปเป็นดาราหน่อย ปรากฏพี่ผู้จัดการมาอ่านฟีดข่าวนั้นแล้วไปเจอรูปผมเลยแอดเฟซผมมา เป็น จุดเริ่มต้นทำให้ผมมีโอกาสมาเรียนรู้งานวงการบันเทิง”

แจ้งเกิดในบท ครูริช “มนต์รักหนองผักกะแยง” มีคนรู้จักมากขึ้น?

แดนนี่ – “ดีใจครับ ที่ผ่านมาผมได้เล่น วาสนารัก วัยแสบสาแหรกขาด พอมา มนต์รักหนองผักกะแยง ด้วยบทบาทครูริช ทำให้คนรู้จักผมเพิ่มมากขึ้น คนให้ความสนใจ คาแร็กเตอร์นี้ ดีใจครับ”

คนหลงเสน่ห์ ชื่นชอบหน้าฝรั่งพูด อีสานได้?

แดนนี่ – “พวกพี่ๆ ที่ผมรู้จักเป็นคน อีสาน เวลาไปเจอคนอีสานเขาก็จะไม่รู้ว่าผมพูดอีสานได้จะนินทาเราเชิงชื่นชม บักฝรั่งทำไมมันหล่อจัง เพราะเข้าใจว่าเราไม่รู้ภาษาอีสาน แต่ที่ไหนได้ผมฟังออกก็ตลกดีน่ารักดีที่มีคนจำเราได้ เห็นว่าเราหน้าฝรั่งพอเราพูดภาษาอีสานไปมันเลยกลายเป็นเสน่ห์ในตัวเราหรือเปล่าที่ฝรั่งเว้าอีสาน”

พูดอีสานสำเนียงเป๊ะ ไปฝึกมาจากไหน?

แดนนี่ – “ไม่ได้มีเชื้อสายเป็นคน อีสานเลยครับแต่ผมอยู่กับเพื่อนกับพี่ที่เป็นคนอีสาน เหมือนซึมซับมาจากพวกเขา ด้านวัฒนธรรม อาหารการกิน ทำให้เข้าไปในสายเลือด เลยกลายเป็นว่าทุกวันนี้ก็จะมีคนมาถามว่าผมเป็นคนอีสานหรือเปล่า หรือแม่เป็น คนอีสานไหม คือไม่มีใครเป็น คนอีสานเลย แล้วช่วงเล่นละคร ต้องฝึกภาษามากขึ้น เลยมาติวกับพี่ที่เป็นคนอีสาน”

เป็นลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์?

แดนนี่ – “ครับ พ่อเป็นสวิตเซอร์แลนด์ แม่เป็นคนไทยผมเป็นคนกรุงเทพฯ เกิดที่ไทยได้ 7 วัน แม่แท้ๆ ก็เอาผมไปฝากไว้ให้ครอบครัวบุญธรรม ซึ่งครอบครัวนั้นเลี้ยงผมมาตั้งแต่ 7 วันแรกจนถึงทุกวันนี้ ผมก็ตอบแทนบุญคุณท่านเหมือนทุกครอบครัวที่มีลูก ทำงานเก็บเงินได้ก็ส่งให้ เขาเป็นครอบครัวของผมไปแล้วตั้งแต่ จำความได้”

เคยน้อยใจโชคชะตาของตัวเองไหม?

แดนนี่ – “ผมว่าผมโชคดีที่รู้ความจริงตั้งแต่เด็ก เหมือนทำใจได้ตั้งแต่เด็ก ไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจขนาดนั้น ผมโชคดีที่ไม่ได้กลายเป็นเด็กมีปัญหา แต่กลับรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นแรงผลักดันในการใช้ชีวิตให้ผม เรารู้ตัวเองว่าไม่มีพ่อแม่ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองหรือครอบครัวเรา มันทำให้ผมเข้มแข็งขึ้นผมโชคดีมากกว่าที่ได้มาเป็นแบบนี้ ทำให้มีภูมิคุ้มกัน”

เคยเจอพ่อแม่แท้ๆ ไหม?

แดนนี่ – “ไม่เคยเจอครับ แต่เคยเจอแม่ในช่วงวัยเด็ก นานๆ เจอที แต่ตอนนี้ไม่ได้ติดต่อกันแล้วครับ เหมือนแม่เขาน่าจะมีภารกิจหน้าที่ไปตามทางของแก เหมือนผมก็ไม่ได้มีความผูกพันด้วย ผมโตมากับครอบครัวที่เลี้ยงมาก็เลยรู้สึกว่าเรามีความผูกพันกับครอบครัวนี้มากกว่า แต่สุดท้ายก็ยังคิดเสมอว่าเขาก็ยังเป็นแม่เรา คลอดเรามา”

“ส่วนพ่อ ผมมีโอกาสช่วงปีสองปีนี้ เพราะช่วงที่ผ่านมาผมไม่รู้ด้านภาษา ไม่รู้จะเริ่มติดต่อยังไงดี จนไปเจอซองจดหมายจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่พ่อส่งมาให้ที่บ้าน ผมก็ไปดูชื่อเขียนว่าชื่อนามสกุลนี้แล้วเอาไปค้นหาแบบโง่ๆ เสิร์ชไปในกูเกิ้ลก็ยังไม่เจอ เอาไปเสิร์ชในเฟซบุ๊ก รายชื่อนี้มาเต็มเลยจนเลื่อนไปเจอเป็นโปรไฟล์ เฟซบุ๊กรูปผู้หญิงก็เข้าไปดูเป็นรูปครอบครัวมีเด็กน้อย 3-4 คน ก็ไล่ดูภาพ พอเลื่อนไปดูอัลบั้มภาพท้ายๆ ไปเจอรูปพ่อเราตอนแต่งงานใหม่กับครอบครัวใหม่”

“ผมก็แคปรูปเดี่ยวเขา ส่งไปให้ครอบครัวแม่ที่เลี้ยงเรามา ถามแม่ว่าคนนี้ใช่พ่อหรือเปล่า แม่ก็บอกว่าใช่ เราดีใจมาก หาพ่อเจอแล้วก็ให้อาจารย์ช่วยเรื่องแปลภาษา ผมก็พิมพ์ยาวมากแจ้งจุดประสงค์ไปว่าเราไม่ได้ต้องการให้คุณมาดูแล แค่อยากเจอ อยากคุย อยากรู้จัก ผ่านไปสองอาทิตย์ แฟนใหม่พ่อเพิ่งมาอ่านก็ส่งเบอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาให้ เราก็โทร.ไป คุยกับพ่อเป็นภาษาอังกฤษประมาณหนึ่งนาทีว่าผมเป็นลูกคุณ อยากคุยกับคุณไม่ได้ต้องการอะไร แต่เหมือนเขาปฏิเสธ บอกว่า ผมไม่ใช่พ่อคุณ เราสตั๊นต์ไป 30 วิ โทรศัพท์เงินก็จะหมด โทร.ต่างประเทศก็แพง พอมันตัดไป เราก็ติดต่อไม่ได้แล้ว จากสิ่งที่พ่อพูดมาในวันนั้น เขาจะปฏิเสธเราก็ไม่เป็นไร ถือว่าได้คุยแล้ว สุดท้ายเราก็ยังต้องใช้ชีวิตเหมือนเดิม แค่มีความรู้สึกว่าถ้าสักวันหนึ่งมีโอกาสเรามีทุกอย่าง อยากจะลองไปเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์สักครั้ง เผื่อวันนั้นพ่อยังใช้เบอร์เดิมเราก็จะโทร.ไป”

เรามั่นใจว่าเขาคือพ่อเราจริงๆ?

แดนนี่ – “ค่อนข้างมั่นใจครับ แต่เหมือนมีเหตุผลบางอย่างที่ผมก็มารู้ตอนนั้นเหมือนกัน แม่ปิดมาตลอด แม่คนที่เลี้ยงมาก็บอกไม่อยากเล่าให้ฟัง กลัวเราเสียใจ”

ด้วยเราหน้าออกฝรั่ง ตอนเด็กๆ เคย โดนบูลลี่ไหม?

แดนนี่ – “แค่โดนล้อเฉยๆ ไม่ได้โดน บูลลี่แรงๆ อย่างสมัยเรียนก็จะโดนว่าไอ้ฝรั่งดอง เหมือนเป็นคำแซว ตอนนั้นเราก็รู้สึกเหมือนกัน แต่ไม่ได้คิดอะไรเยอะเฉยๆ”

ต่อสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กจนวันนี้ประสบความสำเร็จอีกขั้นแล้ว?

แดนนี่ – “ดีใจมากกว่าที่มีคนรู้จักเพิ่มมากขึ้น เป็นโอกาสดีในการจะได้ทำงานต่อในวงการบันเทิง ผมไม่ได้รู้สึกว่าประสบความสำเร็จแล้ว ในทุกๆ วันยังต่อสู้กับการใช้ชีวิตอยู่เหมือนเดิม ยังเป็นแค่คนธรรมดาที่ต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงชีพ”

“สิ่งหนึ่งที่อยากจะทำ เป็นงานที่เรารักก็คือการแสดง อยากทำเป็นวิชาชีพเลี้ยงตัวเองได้ ดีใจมากที่มาถึงจุดนี้ครับ”

วีรนุช จันทำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน