ข่าวเด่นวงการพระสงฆ์

ตั้ง‘สมเด็จพระมหาธีราจารย์’เจ้าอาวาสวัดโพธิ์

วันอาทิตย์ที่ 23 พ.ค. 2564 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมอบพระบัญชาแต่งตั้งสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธิ์ เขมังกโร) กรรมการมหาเถรสมาคม ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ

มีนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อ่านพระบัญชา ในการนี้ ผู้เข้าร่วมพิธีปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตามประกาศจาก ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข โดยเคร่งครัด ณ พระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ ในการประชุมมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2564 เลขาธิการมหาเถรสมาคม นำเรื่องที่สมเด็จพระสังฆราชให้แจ้งต่อที่ประชุมทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดให้สมเด็จพระสังฆราช ทรงแต่งตั้งให้ สมเด็จพระมหา ธีราจารย์ (ปสฤทธิ์ เขมังกโร) วัดยานนาวา ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

ปัจจุบัน สิริอายุ 84 ปี พรรษา 63 ดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม และประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม ฯลฯ

อดีตยันตระกลับไทย-พระกราบ

อดีตพระยันตระ หรือ นายวินัย ละอองสุวรรณ กลับมาปรากฏตัวในเมืองไทยอีกครั้ง หลังจากหลบหนีคดีความผิดไปอยู่ต่างประเทศเสียนาน โดยก่อนหน้านี้ เจ้าตัวก็มีแอบกลับเข้ามาแบบเงียบเชียบ แต่ไม่เป็นที่ฮือฮา

หนล่าสุดนี้ ปรากฏภาพว่อนเต็มโลกออนไลน์ ด้วยสภาพนุ่งห่มเขียว กางเกงขายาวเขียว ไว้ผมยาว หนวดเคราเฟิ้ม แต่ยังคงอวดอ้างเป็นพระภิกษุ มีลูกศิษย์ลูกหา แม้แต่พระสงฆ์ก็ยังก้มกราบอย่างงมงาย

ทั้งนี้ อดีตพระยันตระเดินทางกลับไทย ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ต.ค.2564 เพื่อกลับบ้านเกิดที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนออกเดินสายออนทัวร์เยี่ยมเยียนลูกศิษย์ลูกหาตามจังหวัดต่างๆ อาทิ สระแก้ว, ปทุมธานี ฯลฯ

โดยจัดงานวันคล้ายวันเกิด อายุครบ 70 ปี ซึ่งในงานดังกล่าว มีพระภิกษุและคณะศิษย์เข้าร่วมจำนวนมาก อีกทั้งมีภาพก้มกราบอดีตพระยันตระเผยแพร่ตามมา จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม

นอกจากนี้ ยังขึ้นเทศน์ในหลายงาน ให้พระ แม่ชี ประชาชนฟัง ด้วยเนื้อหาทำนองว่า ตนยังเป็นพระ แค่ไม่ได้ปลงผม นุ่งจีวรสีไหนก็ได้ขออย่าฉูดฉาด ที่จำต้องหนีคดีเพราะไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมไทย

กระทั่งเวลา 04.00 น. วันที่ 27 ต.ค.2564 อดีตพระยันตระ พร้อมคณะ จึงเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา

วุ่น-ฟ้องที่ดินพระธาตุศรีสองรัก

จากกรณีนายกิตติพันธ์ ปฐมชัยเกียรติ ไวยาวัจกร ผู้รับมอบอำนาจจากวัดพระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย ฟ้องร้องกรมที่ดิน เป็นจำเลยที่ 1 อธิบดีกรมที่ดิน เป็นจำเลยที่ 2 และสำนักงานที่ดินจังหวัดเลย สาขาอำเภอด่านซ้าย เป็นจำเลยที่ 3 ขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เนื้อที่ 106 ไร่ 3 งาน 91 ตารางวา ที่ออกให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ร่วมกัน โดยอยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากออกทับที่ดินของวัดพระธาตุศรีสองรัก เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2564

โดยในคำฟ้องระบุว่า ตามหนังสือรับรองสถานภาพวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ บันทึกว่า บริเวณพระธาตุศรีสองรัก มีฐานะเป็นวัดมาตั้งแต่ พ.ศ.2103 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ.2109 เป็นวัดที่ได้รับการจัดตั้งถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ

การฟ้องร้องดังกล่าว สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยชาวบ้านประสงค์ให้พระธาตุศรีสองรักเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่อยากให้เป็นวัด เนื่องจากเชื่อว่า หากที่ดินบริเวณนี้เปลี่ยนแปลงสถานะเป็นวัด จะส่งผลให้ประเพณี วัฒนธรรม พิธีกรรมความเชื่อที่มีมาช้านาน เปลี่ยนแปลงไป

ล่าสุด ศาลจังหวัดเลย มีคำสั่งเลื่อนการพิจารณาคดี เป็นวันที่ 9-10 ก.พ.2565

ร.พ.สงฆ์ถวายฉีดวัคซีนโควิด

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ช่วงกลางปี พ.ศ.2564 พระสงฆ์ถือเป็นอีกกลุ่ม ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้ง่าย จากการที่พระสงฆ์มีกิจนิมนต์ต้องพบปะกับประชาชน และทำสังฆกรรมร่วมกันเป็นหมู่คณะ รวมถึงการรับนิมนต์งานบำเพ็ญกุศลศพ และการฌาปนกิจทั่วไป

ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงมอบหมายให้กรมการแพทย์ จัดถวายการฉีดวัคซีนโควิด-19 แด่พระสงฆ์ เพื่อให้เกิดความครอบคลุมในทุกกลุ่มประชากร โดยเริ่มในกลุ่มพระสงฆ์ที่มี อายุมากกว่า 60 ปี และ 7 กลุ่มโรค ที่มีอยู่ประมาณ 13,000 รูป ในกรุงเทพมหานคร จากพระสงฆ์ทั้งหมด 17,636 รูปใน 457 วัด

เริ่มคิกออฟฉีดวัคซีน เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2564 ที่โรงพยาบาลสงฆ์ กรุงเทพฯ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ตรวจเยี่ยมการถวายวัคซีนโควิด-19 แด่พระสงฆ์

ซึ่งจะทยอยฉีดวัคซีนให้จนครบ เพื่อให้พระสงฆ์สร้างภูมิคุ้มกันโรค ลดความรุนแรง ลดการป่วย และการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19

อดีตพระพรหมสิทธิคืนสมณเพศ-หลุดคดีทุจริต

จากคดีเงินทอนวัด สะเทือนวงการสงฆ์ เมื่อกลางปี พ.ศ.2561 กระทั่งในปี พ.ศ.2564 อดีตพระเถระแห่งวัดสระเกศทั้ง 5 รูป ประกอบด้วย อดีตพระพรหมสิทธิ, อดีตพระราชกิจจาภรณ์, อดีตพระราชอุปเสณาภรณ์, อดีตพระศรีคุณาภรณ์ และอดีตพระครูสิริวิหารการ ที่เป็นข่าวโด่งดังในคดีเงินทอนวัด ไม่ได้มีความผิดเข้าข่ายอาบัติปาราชิก ซึ่งจะต้องทำให้พ้นจากความเป็นสงฆ์

เนื่องจากในคดีทุจริตการจัดสรรเงินงบประมาณ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในคำพิพากษาของศาล ระบุว่า ไม่พบความทุจริต ดังนั้น จึงไม่มีข้อใดเข้าข่ายที่จะต้องสละ สมณเพศ คณะสงฆ์วัดสระเกศฯ จึงเห็นควรให้เข้ากลับคืนหมู่คณะสงฆ์วัดสระเกศฯ ต่อไป

เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2564 ที่พระอุโบสถวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร จัดประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถา ในโอกาส พระภิกษุทั้ง 5 รูป อธิษฐานครองผ้าไตรจีวรรับเข้าหมู่สงฆ์ โดยมีคณะสงฆ์วัดสระเกศฯ เข้าร่วมพิธี

ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นพิธี อดีตพระเถระทั้ง 5 รูป กลับมาห่มจีวร เดินกลับกุฏิสงฆ์ทันที

มส.ปลดฟ้าผ่า3เจ้าคณะจังหวัด

ช่วงบ่ายวันที่ 30 ก.ย.2564 ในการประชุมมหาเถรสมาคม ผ่านระบบออนไลน์ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อัคคชิโน) เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช แจ้งที่ประชุมมหาเถรฯ เพื่อโปรดทราบว่ามีหนังสือ ลงวันที่ 15 ก.ย.2564 กราบทูล สมเด็จ พระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ขอประทานพระดำริในการถอดถอนพระสังฆาธิการ จำนวน 3 รูป ออกจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด

ดังนี้ 1.ถอดถอนพระราชปริยัติสุนทร วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา (อมรภิรักษ์ ปสันโน) ออกจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา 2.ถอดถอน พระธรรมรัตนาภรณ์ (สมศักดิ์ โชตินธโร) วัดเขียนเขต จ.ปทุมธานี ออกจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี 3.ถอดถอนพระเทพสารเมธี (บัวศรี ชุตินธโร) วัดประชานิยม จ.กาฬสินธุ์ ออกจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต)

พร้อมทั้งแต่งตั้งพระสังฆาธิการ จำนวน 3 รูป ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดดังกล่าวสืบแทน

พส.ไพรวัลย์สึก-พส.สมปองนัดสึกตาม

กลายเป็นกระแสดราม่า!! “พระมหาไพรวัลย์ วรวัณโณ” และ “พระมหาสมปอง ตาลปุตโต” พระนักเทศน์ชื่อดังแห่งวัดสร้อยทอง ไลฟ์สดสนทนาธรรม สร้างความฮาและบันเทิง ถูกอกถูกใจชาวเน็ต เข้ามากดไลก์-หัวใจและรีทวีตไปหลายครั้ง

แต่ไม่วายถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หนักเข้าจนเจ้าตัวออกมาระบุว่า “ถูกจ้องจับผิดจากพระผู้ใหญ่ ไปจนถึงถูกขู่จับสึก”

เกิดความอัดอั้นถึงขั้นพระมหาสมปองและพระมหาไพรวัลย์ ร่ำไห้ผ่านไลฟ์สดบนเฟซบุ๊ก ทำเอาชาวโซเชี่ยลที่ติดตามชม ต่างใจหายและให้กำลังใจ

สุดท้ายทนไม่ไหว … พระมหาไพรวัลย์ประกาศลาสิกขา ผ่านเฟซบุ๊ก

ก่อนประกอบพิธีลาสิกขา เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2564 เวลา 09.40 โดยมีพระมหานภัณฑ์ สันติภัทโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เป็นผู้สึกให้ ที่วัดสระเกศฯ

หลังจากสึก กลายเป็นทิดไพรวัลย์ ได้สวมเสื้อยืดสีขาว รูปแมว 3 ตัว ทำท่า ปิดหู ปิดตา ปิดปาก และนุ่งโสร่ง เดินทางออกจากวัด สระเกศฯ ทันที

ต่อมา พระมหาสมปองประกาศสึกวันที่ 29 ธ.ค. 2564 โดยได้แจ้งเลขาฯไปแล้วว่าให้รับงานแค่สิ้นปีนี้พอ

สมภารวัดดังเชียงใหม่-ตั้งวงหมูกระทะ

กลางดึกคืนวันที่ 30 ส.ค.2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.ภูพิงค์เชียงใหม่ นำกำลังเข้าตรวจสอบวัดปันเสา วัดดังในเมืองเชียงใหม่ มีพระสงฆ์ในวัดนำทีมโดยเจ้าอาวาส ล้อมวงกันดื่มเหล้าเบียร์ ทั้งพูดคุยกันเสียงดัง

ภายหลังเข้าตรวจสอบ พบพระสงฆ์ 6 รูป และชาวบ้าน 1 คน กำลังนั่งล้อมวงกินหมูกระทะและเหล้าเบียร์อย่างสนุกสนาน แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนต่างแสดงอาการหน้าซีด ยอมรับว่าดื่มเหล้าเบียร์กันจริง โดยมีเจ้าอาวาสวัดเป็นแกนนำ มีทั้งเหล้า เบียร์กระป๋อง และกับแกล้ม

เบื้องต้นทั้งหมดยอมสารภาพว่าดื่มเหล้าเบียร์กันจริง เป็นความผิดแค่ปาจิตตีย์

ตำรวจจึงได้นำไปสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมาย

ต่อมา พระสงฆ์ทั้งหมดสมัครใจทยอยเข้าลาสิกขากับเจ้าคณะตำบลช้างคลานเขต 1 ที่วัดอุปคุต ต.ช้างคลาน พร้อมทำหนังสือแจ้งลาสิกขาสละสมณเพศให้เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่รับทราบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน