คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

เคลื่อน การเมือง – หากดูจากภาพที่หน่วยคอมมานโดปราบจลาจลบุกรวบตัว ไผ่ ดาวดิน ก็น่ากลัว

เพราะมิได้เป็นการรวบตัวอย่างธรรมดา ตรงกันข้าม มีการตระเตรียมและใช้กำลังที่เหนือกว่าเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการบุกเข้าไปรวบตัวจากบนรถเครื่องเสียง

สามารถสรุปได้อย่างรวบรัดว่า “ทุลักทุเล”

ยิ่งมีการไลฟ์สดออกไปกว้างขวาง แพร่หลายมากเพียงใด ยิ่งก่อให้เกิดความหวาดกลัว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีการรวบตัวกันอย่างรุนแรง หนักหน่วงได้ขนาดนี้

เป้าหมายย่อมต้องการให้เกิดการสยบยอมอย่างแน่นอน

ทั้งๆที่เป็นภาพอันน่ากลัวแล้วเหตุใดยังมีการเคลื่อนไหวตามมาอย่างรวดเร็ว

เห็นได้จากคำประกาศรวมพลกันในเวลา 18.00 น. ของวันเดียวกัน ณ บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรม ของกทม. บริเวณเยื้องกับมาบุญครอง

จากนั้นก็ไหลไปรวมตัวกันยังสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ

ปรากฏว่ามีมวลชนเข้าร่วมยาวเหยียดตลอดแนวถนนแน่นขนัด จากนั้นก็ประกาศสลายการชุมนุมแล้วนัดรวมตัวกันอีกครั้งเช้ามืดของวันที่ 14 ตุลาคม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ปรากฏการณ์เหล่านี้สะท้อนอะไร

ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับกรณีจับกุม นายอานนท์ นำภา

เป้าหมายในการจับกุม นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก และ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ คือต้องการให้หยุดการเคลื่อนไหว หยุดการเรียกร้อง

คำถามก็คือแล้วสามารถสยบการเคลื่อนไหวได้ หรือไม่

คำตอบก็คือ ไม่เพียงแต่ นายอานนท์ นำภา นาย ภาณุพงศ์ จาดนอก นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ จะยังคงเคลื่อนไหว หากแต่ยังสร้างแกนนำใหม่อีกมากมาย

เพราะว่านี่คือการเคลื่อนไหวทาง “ความคิด”

การเคลื่อนไหวทุกอย่างดำเนินไปด้วยความรวดเร็ว ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง

ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวด้าน “เจ้าหน้าที่” ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว “ด้านประชาชน” มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย

โดยเฉพาะนับแต่เช้าของวันที่ 14 ตุลาคม เป็นต้นไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน