บทบรรณาธิการ

การดำเนินคดีต่ออดีต พระพุทธะอิสระ หรือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อายุ 59 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม และอดีตแกนนำ กปปส. ในข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร และคดีปลอมพระปรมาภิไธย โดยไม่ให้ประกันตัวนั้น เป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง

เนื่องจากนายสุวิทย์อยู่ในวงล้อมของกลุ่มความขัดแย้งทางการเมืองมายาวนาน ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการรัฐประหารปี 2557

อีกทั้งเป็นผู้นำกลุ่มกปปส.ที่แสดงออกด้วยพฤติกรรมอันเป็นที่น่าสงสัยสำหรับบรรพชิต ที่ควรมีความสำรวม มีเมตตา และสนับสนุนให้ผู้คนแสวงหาหนทางแก้ปัญหาอย่างสันติ

แต่หลายๆ เหตุการณ์ระหว่างการชุมนุมชัตดาวน์ของกลุ่มคนเป่านกหวีดจากปลายปี 2556 ถึงต้นปี 2557 กลับไม่เป็นเช่นนั้น

เหตุการณ์ที่ทำให้นายสุวิทย์ถูกดำเนินคดีข้อหาอั้งยี่เกิดขึ้นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 เกี่ยวข้องกับกลุ่มการ์ดประจำตัวของอดีตพระพุทธะอิสระเข้าไปรุมล้อมและทำร้ายร่างกายตำรวจสันติบาลนอกเครื่องแบบ 2 นายอย่างน่าตกตะลึงและสะเทือนขวัญ

การที่นายสุวิทย์ถูกดำเนินคดีดังกล่าวหลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นมาเกิน 4 ปี จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับกระบวนการยุติธรรม

นอกจากแสดงให้เห็นว่าจะต้องมีผู้รับผิดชอบในเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงแล้ว ยังช่วยบรรเทาความคับข้องใจของประชาชนจำนวนมากที่เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายและปฏิบัติต่อผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มต่างๆ อย่างเท่าเทียมกัน

ไม่เว้นแม้แต่ผู้ครองผ้าเหลืองที่มีส่วนต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์

หลังจากกรณีของนายสุวิทย์ที่ถูกนำตัวมาดำเนินคดีแล้ว จึงคาดหมายว่าบุคคลอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงจะถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นกัน

ไม่เกี่ยวกับว่าบุคคลนั้นๆ สังกัดกลุ่มการเมืองใด แต่ต้องแสดงให้เห็นว่าหากใช้ความรุนแรงหรืออาวุธข่มขู่คุกคามผู้อื่น ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง

ทั้งยังช่วยสลายความข้องใจสงสัยของผู้คนทั่วไปว่าม็อบมีเส้นกับม็อบไม่มีเส้น จะต้องถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน