หากฟังคำแถลงจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ไม่ว่าระดับ กรรมการ หรือ ระดับเจ้าหน้าที่

ข้อมูล 1 อันจะเป็นปัญหา คือ เรื่อง”สมาชิกพรรค”

ทั้งๆที่นี้เป็นข้อกำหนดตามพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 อันประกาศและบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนตุลาคมของปี 2560 แต่กระทั่งเดือนสิงหาคม 2561

พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ก็มิอาจขยับขับเคลื่อนอะไรได้

เพราะถูกคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ตรึงเอาไว้

ทั้งๆที่พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 กำหนดว่าจะต้องมีการทำ”ไพรมารี โหวต”ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้ง

นี่คือปัญหา นี่คืออุปสรรคสำคัญ

ความเป็นจริงอันมาจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก็คือ ปัจจุบัน ไม่มีพรรคการเมืองใดมี “สาขาพรรค”

เพราะทุกพรรคล้วนถูก”เซ็ตซีโร่”หมดสิ้น

ขณะที่กฎหมายกำหนดว่า แต่ละพรรคต้องไปหาสมาชิกเพื่อจัดตั้งสาขาพรรคหรือตัวแทนประจำจังหวัดเพื่อทำไพรมารีโหวต แต่ยังไม่สามารถหาสมาชิกพรรคได้

เพราะติดคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560

นี่เป็นสิ่งที่ทุกพรรคการเมืองไม่ว่าเก่า ไม่ว่าใหม่ต้องประสบ นี่เป็นสิ่งที่คณะกรรมการการเลือกตั้งทั้งชุดเก่าและชุดใหม่ที่เพิ่งเข้ามาก็รับรู้ร่วมกัน

มิเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ระดับรองเลขาธิการกกต.คงไม่ระบุ

“แม้จะมีคำขออนุญาตหาสมาชิกจากพรรคกว่า 100 ฉบับที่กกต.ส่งไปยังคสช. แต่ก็ขึ้นอยู่กับคสช.จะพิจารณา”

ความไม่พร้อมจึงมิได้มาจาก”พรรคการเมือง”

หากแต่เป็น”ความไม่พร้อม”อันเนื่องจากประกาศและคำสั่งหัวหน้าคสช.เป็นสำคัญ

การเลือกตั้งจะดำเนินไปอย่างเสรี เป็นอิสระ และได้ความเที่ยงธรรมหรือไม่จึงมิได้ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการทำงานของคณะ กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ด้านเดียว

ตรงกันข้าม กลับขึ้นอยู่กับบทบาทของ “คสช.” ด้วยว่าจะดำเนินไปอย่างไร จะอำนวยความสะดวกหรือจะเป็น”อุปสรรค”

นี่คือ “คำถาม”ที่นับวันจะทวีความแหลมคม รุนแรงยิ่งขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน