ไม่เพียงแต่พรรคประชาชนปฏิรูป พรรคพลังชาติไทย พรรคพลังธรรมใหม่ จะค่อยๆจางหายไปจากวงจรข่าวสาร วงจรเวทีดีเบตสำแดงวิสัยทัศน์ทางการเมือง

หากแม้กระทั่งพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็ค่อยๆหลุดไปจากกระแสอย่างเงียบเชียบ

แม้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะเพียรพยายามอย่างเต็มแรง

ถึงจะผนึกตัวรวมเอาอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง อดีตเลขาธิการพรรคการเมือง เข้ามาเป็นแกนและดำรงอยู่ในฐานะกรรมการบริหาร

แต่เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายความหวังของพรรครวมพลังประชาชาติที่จะยืนเรียงเคียงกับพรรคพลังประชารัฐก็ตกลงไป

พ่ายแพ้แม้กระทั่งพรรคอนาคตใหม่

หากเทียบน้ำหนักต่อน้ำหนัก ปอนด์ต่อปอนด์ ระหว่างพรรครวมพลังประชาชาติไทยกับพรรคอนาคตใหม่ ก็ต้องยอมรับว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทยเริ่มต้นได้คึกคักมากกว่า

เพียงชื่อของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อผนวกเข้ากับชื่อของ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ก็สุกสกาวมากกว่า

ยิ่งได้ นายสุริยะใส กตะศิลา เข้ามายิ่งก่ออาการครางฮือ

ขณะที่พรรคอนาคตใหม่มีเพียง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เท่านั้นที่เป็นตัวชูโรง แต่ก็ละอ่อนอย่างยิ่งในทางการเมือง

อย่างน้อยเมื่อจัดระดมทุนพรรคพลังประชารัฐทะยานไปหลักร้อยล้าน

ขณะที่พรรคอนาคตใหม่เตาะแตะๆอยู่ที่หลักสิบ

จากเดือนมิถุนายน 2561 มายังเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เส้นทางของ 2 พรรคนี้กลับแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ขณะที่พรรครวมพลังประชาชาติไทยเดินถอยหลัง”คารวะแผ่นดิน”

พรรคอนาคตใหม่ได้กลายเป็นความหวังของคนรุ่นใหม่

บทสรุปเช่นนี้มาจากอะไร มาจากการแสดงบทบาทล่าสุดของแกน นำพรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้หันปลายหอกกระหน่ำเข้าใส่ พรรคอนาคตใหม่อย่างพร้อมเพรียงกัน

กระทั่งประดิษฐ์คำ”อ้ายตัวร้ายใหม่”เป็น”บรรณาการ”

โดยเฉพาะบรรดาลุงๆป้าๆที่ออกมาภายใต้เสียงเชียร์ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

นั่นยืนยันว่าพรรคอนาคตใหม่กำลังก้าวล้ำ นำหน้าไปแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน