สภาพที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เผชิญปะทะมีทั้งความเหมือนและความต่างจากสภาพที่ นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เผชิญปะทะ

เหมือนตรงที่ต้องการบดขยี้ ต้องการทำลายล้างอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการต่างตรงที่ระยะเวลาและวิธีการขั้นสุดท้าย

นายทักษิณ ชินวัตร ผ่านการเลือกตั้ง 2 ครั้ง คือ เมื่อเดือนมกราคม 2544 และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผ่านการเลือกตั้ง 1 ครั้งในปี 2554

ขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ยังไม่ทันผ่านด่าน “เลือกตั้ง”ก็โดน

เข้มข้นถึงขนาดจะเล่นถึงขั้นยุบพรรคอนาคตใหม่

เจตนาของการเคลื่อนไหวไม่ว่าจะมาจาก คสช.ไม่ว่าจะมาจาก กกต. เป้าหมายแรก อาจดึงแข้งดึงขา แต่เป้าหมายขั้นสูงสุด คือดับพรรคอนาคตใหม่ให้เดี้ยง

เพียงแต่ว่าต่อกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร ลงเอยอยู่ที่การทำรัฐประหาร

เช่นเดียวกับกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

แต่เมื่อมาถึงกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เริ่มต้นตั้งแต่ยังเตาะแตะ เตาะแตะในทางการเมือง ไม่ปล่อยให้เติบใหญ่

เพราะเกรงว่าอาจจะเข้าข่ายเดียวกันกับกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เจตนาต้องการ “บี้”ก่อนวันที่ 9 พฤษภาคม

บทเรียนจากกรณี นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงดำเนินไปในลักษณะอันเป็นพิมพ์เขียวสำคัญในทางการเมือง

คำถามอยู่ที่ว่าพรรคอนาคตใหม่จะมองและสรุปอย่างไร

หากมองผ่าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หากมองผ่าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล หากมองผ่านพรรคอนาคตใหม่ ก็มีความพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการอย่างเต็มเปี่ยม

เหมือนที่มีความพร้อมที่จะเข้าสู่ “การเลือกตั้ง”

เพียงแต่เมื่อผ่านความจัดเจนจาก “การเลือกตั้ง”ก็เริ่มมี “มวลชน”เข้ามาห้อมล้อม

“มวลชน”จึงเป็นเหมือนผนังทองแดง กำแพงเหล็กให้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน