คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
เมื่อยาเคเก๊ – นอกจากมาตรการรับมือการชุมนุมของ เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกวิจารณ์แล้ว ผลงานอีกด้านที่ไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลก็คือความผิดพลาดในการตรวจยึดยาเสพติด 11.5 ตันที่โกดังในจังหวัดฉะเชิงเทรา
จากที่คิดว่าเป็นยาเสพติดวัตถุออกฤทธิ์ต่อ จิตประสาทประเภท 2 ที่มีมูลค่าน่าตื่นตะลึง ถึง 28,000 ล้านบาท แต่ต่อมาระบุว่าเป็นสาร ไตรโซเดียมฟอสเฟต ซึ่งไม่ได้ระบุมูลค่า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมชี้แจงว่าความผิดพลาดนี้มาจากหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของกระทรวงยุติธรรมขาดความรู้ทางวิชาการ
ไม่รู้มาก่อนว่าสารไตรโซเดียมฟอสเฟตเป็นสารตัวใหม่ที่เป็นสีม่วง จึงทำให้เข้าใจผิด
การแถลงรับความผิดพลาดดังกล่าวเป็นเรื่องควรกระทำ เพราะยึดถือหลักความจริงทางวิทยาศาสตร์โดยไม่หลีกหนีความรับผิดชอบ
แต่การใช้เวลานานถึง 12 วัน นับตั้งแต่การตรวจยึดวันที่ 12 พ.ย. ทำให้เกิดคำถามมากมายพร้อมข่าวลือ
ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือเกิดความไม่เชื่อมั่น และไม่เชื่อใจรัฐบาล
มีการล้อเลียนไปถึงการเปรียบเทียบโคเคนกับแป้ง และมีความสงสัยว่าการตรวจสอบจากห้องวิทยาศาสตร์ในตัวอย่างที่สุ่มตรวจกว่า 60 กระสอบ จาก 475 กระสอบ ใช้เวลานานเกือบสองสัปดาห์จริงหรือไม่
เหตุใดทางการจึงมาแถลงภายหลังที่สังคมกดดันให้ตอบคำถามว่า ยาเคที่ยึดได้ไปอยู่ ณ ที่ใด
การแก้ไขความผิดพลาดครั้งนี้ นอกจากป.ป.ส.ประเมินว่าต้องใช้เวลาอีก 3 สัปดาห์ จะรู้ผลการตรวจสอบของกลางที่เหลือทั้งหมด ตามคำสั่งรัฐมนตรียุติธรรม ให้ 3 หน่วยงาน ได้แก่ ป.ป.ส. สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (พฐ.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประสานงานกันเก็บตัวอย่างทั้งหมดไปตรวจวิเคราะห์
ยังมีความร่วมมือในการสอบสวนคดีระหว่างประเทศ หลังจากทางการไต้หวันจับกุมขบวนการส่งออกสารเสพติดเคตามีนกว่า 300 กิโลกรัมจากประเทศไทย
แม้ป.ป.ส. ระบุว่าการสืบสวนจนถึงขณะนี้พบในเบื้องต้นว่าใครเป็นผู้นำสารเสพติดออกจากไทยไปสู่ไต้หวันแล้ว
การคลี่คลายคดีนี้ให้ชัดเจนเป็นหนทางเดียวที่จะกู้ศรัทธาในปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดของรัฐบาลได้