FootNote:บทเรียนพระราม 3 ถึงระยอง อิทธิพลมหึมา มหาศาลบ่อน
หากไม่มีกรณีการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ผ่านการลักลอบเล่นการพนัน ณ จุดแห่งหนึ่งภายในอำเภอเมือง จังหวัดระยอง ภาพแห่งบ่อนพระราม 3 ใจกลางมหานครกรุงเทพฯคงไม่โดดเด่นขึ้นมา
แม้ว่ากองปราบปรามในกำกับของกองบัญชาการสอบสวนกลางจะนำกำลังบุกทะลายบ่อนย่านแจ้งวัฒนะ
กระนั้น รายละเอียดมากมายภายในปรากฏการณ์อันเกิดขึ้น ณ บ่อนแห่งจังหวัดระยอง กับบ่อนพระราม 3 ใจกลางมหานครกรุงเทพฯก็ละม้ายเหมือนกันอย่างมิได้คาดหมาย
เริ่มจากเมื่อเกิดเหตุยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับนายพันเอกตายคาบ่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลก็ปล่อยให้เหตุการณ์ผ่านเลยไปพอสมควรจึงเข้าไปตรวจค้นและแถลงว่ามิได้เป็นบ่อน
นี่ย่อมดำเนินไปเหมือนกับกรณีของจังหวัดระยองเพราะภายหลังการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองระยอง ก็ออกมาแถลงยืนยันว่าไม่มีบ่อน
ความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งอยู่ที่ผลสะเทือนอันตามมาด้วยความร้อนแรงเป็นอย่างสูง
ขณะที่เหตุอันเกิด ณ จังหวัดระยอง ผลก็คือมีคำสั่งจากผบ.ตร.ย้ายด่วนผู้บังคับการจังหวัดภายใน 24 ชั่วโมง โดยให้หลุดพ้นไปจากตำ แหน่งเดิมโดยสิ้นเชิง
จากนั้น ก็มีการย้ายนายตำรวจอย่างที่เรียกว่า “4 เสือ”ประจำสถานีออกไปภายใน 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน
ขณะที่หากมองอย่างเปรียบเทียบแม้ว่าผู้บัญชาการตำรวจนคร บาลจะออกมาแถลงอย่างใสซื่อว่าสถานที่เกิดเหตุนั้นมิใช่บ่อน และที่ตามมาก็คือการเกิดขึ้นขอ”คลิป”อย่างกว้างขวาง
เป็นคลิปซึ่งไม่เพียงแต่เผยให้เห็นความเป็นจริงหลังการเกิดเหตุว่ามีการเคลื่อนย้ายวัสดุอุปกรณ์อย่างไร หากแต่ยังยืนยันว่าอิทธิพลอันอิงแอบอยู่กับบ่อนมหึมามหาศาลอย่างยิ่ง
ความเป็นจริงก็คือ สถานที่แห่งนั้นคือ”บ่อน”กลางใจเมือง
จุดต่างมีเพียงประการเดียวเท่านั้นคือ บ่อนที่ระยองมีการจัดการแต่บ่อนพระราม 3 ดำรงอยู่อย่างชนิดลอยนวล
ยิ่งหากใครได้อ่านจดหมายเปิดผนึกจาก ส.ส.ระยองซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งประจักษ์ในอำนาจและอิทธิพลของบ่อน
แม้จะมีคำยืนยันจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะจัดการ อย่างเฉียบขาด แต่ก็มีน้อยคนที่จะเกิดความมั่นใจว่าเป็นเช่นนั้น