คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

เรือดำน้ำรีเทิร์น – กระแสจัดซื้อเรือดำน้ำกลับมาอยู่ในความสนใจของประชาชนอีกครั้ง ไม่เพียงเพราะ ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคนเสนอว่าต้องปรับงบประมาณนี้มาใช้รับมือผลกระทบโรคโควิด-19 ระบาดรอบใหม่

ไม่เพียงเพราะการ์ดวันเด็กถึงนายกรัฐมนตรี มีภาพวาดเรือดำน้ำมาให้เตือนใจ

แต่กรณีนี้จะต้องเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องขบคิดและหาทางแก้ไข

จำนวนเงินที่เคยตั้งไว้สำหรับการขอจัดซื้อเรือ ดำน้ำ 2 ลำในปี 2564 งบประมาณ 3,375 ล้านบาท แต่ชะลอไว้เมื่อปี 2563 เพราะสถานการณ์โควิดระบาดรอบแรก กำลังเป็นปมคำถามและน่าจะถามกันดังขึ้นไปเรื่อยๆ ระหว่างที่โควิดออกฤทธิ์ทางเศรษฐกิจ

เงินจำนวนนี้ต้องตั้งไว้ในร่างงบประมาณ ฉบับใหม่หรือไม่

การจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และลำที่ 3 วงเงิน 22,500 ล้านบาท ที่กองทัพและรัฐบาลยืนยันว่าสัญญาการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี นั้นผ่านการเจรจาเลื่อนจ่ายกับรัฐบาลจีนมาตั้งแต่ ปีก่อน

การขอชะลอหรือเลื่อนการจัดซื้อในปี 2563 นั้นรัฐบาลควรชี้แจงว่าเป็นการรับปากว่าจะจัดการในปีถัดมา ซึ่งหมายถึงปี 2564 นี้หรือไม่

เพราะการจัดซื้อเรือดำน้ำลักษณะผูกพัน ต่อเนื่องดังกล่าวดำเนินการมาตั้งแต่การจัดซื้อ เรือดำน้ำลำแรกเมื่อปี 2560 และมีกำหนดชำระ รายปีต่อเนื่อง 7 ปีใช่หรือไม่

หากกองทัพและรัฐบาลต้องเจรจากับทางการจีนด้วยเหตุผลเดิมอีก มหามิตรทางกองทัพจะมีปฏิกิริยาเช่นใด รัฐบาลได้ประเมินไว้หรือไม่

หรือรัฐบาลจะยืนกรานว่าต้องจัดซื้อไปตามกำหนดเดิมให้ลุล่วงในปีนี้

หากรัฐบาลเลือกที่จะเดินหน้าจัดซื้อเรือดำน้ำอีก 2 ลำต่อไปก็จะต้องมีคำตอบให้ประชาชนเช่นกันว่า จะจัดการกับผลกระทบทางเศรษฐกิจนี้อย่างไร

คำตอบนี้ต้องชัดเจนกับประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย รวมถึงเด็กน้อยที่วาดรูปเรือดำน้ำ ด้วยว่าทุกคนจะต้องร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายซื้อเรือดำน้ำ อันเกิดจากการตัดสินใจในช่วงที่ประเทศถูกรัฐประหารอย่างไรต่อไป

นอกเหนือจากคำอธิบายว่าประเทศต้องมี เรือดำน้ำ เพื่ออุดช่องโหว่ด้านข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์ หรือสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนกับระบบเศรษฐกิจทางทะเลของไทย

ยังควรทบทวนด้วยว่า ประชาชนจะได้อะไรจากเรือดำน้ำในยุคโควิด-19 ส่งผล กระทบทั่วโลก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน