จากการประชุมคณะทำงานย่อยด้านสันติภาพของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ครั้งล่าสุดลงรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบาย และจุดยืนของแต่ละพรรคในการแก้ปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้

นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ผลการประชุม โดยมีประเด็นสำคัญคือจะเปลี่ยนชื่อเรียกขานการพูดคุยสันติสุข ยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับไปใช้ชื่อเดิมคือการพูดคุยสันติภาพ

เพื่อสะท้อนความจริงจังแสวงหาข้อตกลง สื่อสารต่อคู่สนทนา ประชาคมนานาชาติ และประชาชนในพื้นที่ ว่ารัฐบาลใหม่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างออกไปจากรัฐบาลก่อน

อีกเรื่องสำคัญคือไม่มีแนวคิดแบ่งแยกดินแดน มีแต่จะทบทวนการใช้กฎอัยการศึก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ลดมาตรการพิเศษ เพื่อฟื้นคืนความปลอดภัยให้ประชาชน

อีกเสียงจากคณะทำงานย่อย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ และส.ส.พรรคประชาชาติ ระบุเป็นการพูดคุยเรื่องโรดแม็ปที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพ

จากนั้นสัปดาห์หน้าจะพูดคุยเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานความมั่นคง ภาคประชาชนทั้งชาวไทยพุทธ มุสลิม กลุ่มเปราะบาง นักศึกษา เยาวชน

ทั้ง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลยังร่วมพูดคุยเรื่องเสถียรภาพของประชาชน เพราะที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่ไม่ค่อยมีเสถียรภาพ คุณภาพชีวิตที่ดี และรายได้มั่นคง

ส่วนความขัดแย้งต่างๆ นั้น วางแผนไว้ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน ปี 2570 จะสร้างสันติภาพและสันติสุขอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้น

ผลจากการประชุมดังกล่าว ได้ข้อสรุปโดยหลักๆ คือไม่มีเรื่องการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะผิดรัฐธรรมนูญ อีกทั้งเป็นประเด็นเก่าตกค้างมานาน

ต่อมาคือทบทวนกฎอัยการศึก การใช้กฎหมายพิเศษต่างๆ อาจถูกยกเลิก หรือใช้เท่าที่จำเป็น ฟื้นคืนความปลอดภัย และเสถียรภาพชีวิตประชาชน เดินหน้าการพูดคุยลดความขัดแย้ง วางโรดแม็ปสร้างสันติภาพในปี 2570

ดังนั้น ในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลใหม่ หวังว่าเครือข่ายอำนาจและหน่วยงานความมั่นคง จะตระหนักและกลับมาทบทวนตัวเอง โดยเฉพาะในขณะนี้มีความพยายามดำเนินคดีนักศึกษา ด้วยข้อหาเกี่ยวข้องกับแบ่งแยกดินแดน และกล่าวหาพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง

การกล่าวหาตีตราสร้างความขัดแย้ง ปลุกปั่นกระแสชาตินิยมสุดโต่ง เพื่อมุ่งหวังขยายผล หรือทำให้เป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน